สำนักงานเขตคลองเตย เรียกประชุม 4 ฝ่ายแก้ปัญหาวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง กับ แกร็บและร่วมพิจารณาบทลงโทษผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่รุมทำร้ายแกร็ปไบค์เมื่อวานนี้ ด้านกลุ่มวินรถจักรยานยนต์รวมตัว ขอคำชี้แจงจาก กทม. ชี้ผู้โดยสารอ้างสิทธิ์ความชอบเลือกใช้ของผิดกฎหมายไม่ได้
จากเหตุการณ์ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ โพสต์ภาพกลุ่มวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง 3 คนกำลังรุมทำร้ายชาย ขี่แกร็บไบค์ หลังเรียกใช้บริการให้มารับที่ คอนโดซอยสุขุมวิท 48 แต่ระหว่างที่กำลังขี่ออกไป ก็มีคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมาปาดหน้าและเข้ามาทำร้าย ก่อนที่จะมีคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอีก 2-3 คน ตามมาและรุมทำร้าย
ล่าสุดวันนี้ ( 3 มี.ค.) ที่สำนักงานเขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร มีการเรียกประชุมคณะอนุกรรมการ 4 ฝ่าย ประจำพื้นที่เขตคลองเตย ประกอบด้วย สำนักงานเขตคลองเตย กรมการขนส่งทางบก สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กรุงเทพมหานคร หรือ กอร.มน.กทม. ร่วมประชุมเพื่อดำเนินการสอบสวนและพิจารณาการลงโทษผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง 3 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์แกร็บที่มารับผู้โดยสารหน้าปากซอยสุขุมวิท 48 เพื่อหาทางออกร่วมกันของวินในเขตคลองเตย ที่มีทั้งสิ้น 187 วิน จำนวน 2,900 กว่าคน
ขณะที่บรรยากาศด้านนอกสำนักงานเขต มีกลุ่มวินรถจักรยานยนต์รับจ้างมารวมตัวกันเพื่อขอคำชี้แจงจาก กทม. ด้วย นำโดยนายสันติ ปฏิภาณรัตน์ เลขานุการนายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยนต์รับจ้างแห่งประเทศ พร้อมกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่ง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่จะลงโทษยึดเสื้อวินของผู้ก่อเหตุทั้งสามคน ทั้งที่ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายไปแล้ว รวมถึงความผิดครั้งนี้ของวินจักรยานยนต์ ไม่เข้าข่ายโทษของการยึดเสื้อวิน เพราะในกฎหมายระบุเพียงว่า จะยึดเสื้อวินได้ต่อเมื่อ วินจักรยานยนต์ขึ้นไปขับขี่บนทางเท้า หากพบว่าทำเกิน 2 ครั้งใน 1 ปี ถึงจะยึดเสื้อวินได้ แต่กรณีครั้งนี้ อยากทราบเหตุผลว่าทำไม ถึงจะมีการลงโทษยึดเสื้อวิน ในขณะที่แกร็บไบค์ ตอนนี้ก็ยังไม่ถูกกฎหมาย
ส่วนคลิปวิดีโอที่ถ่าย และนำไปเผยแพร่นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งในผู้ก่อเหตุอยู่คนเดียว จากนั้นจะมีเพื่อนที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเดิน เข้ามาพยายามที่ห้ามทั้งสองฝ่าย แต่ก็มีการต่อสู้กัน ที่ผ่านมาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างยังคงมีปัญหากับผู้ขับขี่แกร็บ เนื่องจากกฎหมายยังไม่รองรับให้ถูกต้อง ทั้งเรื่องรถที่นำมาขับขี่ก็ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก โดยท้าให้ผู้บริหารแกร็บออกมาทำให้ถูกต้อง ดำเนินการเข้าสู่ระบบเพื่อสู้กันอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งตนมั่นใจว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่เลือกใช้บริการวินอยู่แล้ว เพราะอยู่ใกล้ชิดชุมชน
ส่วนส่วนผู้ใช้บริการแกร็บไบค์ เป็นสิทธิ์ส่วนตัวที่ทำได้ ก็มองว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เปรียบเสมือนการซื้อยาเสพติด หรือซื้อของเถื่อนทางออนไลน์ เพราะกฎหมายยังไม่รองรับทั้งผู้ขับขี่และรถที่นำมาใช้ ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่มีอยู่ ต้องใช้รถขนาดไม่เกิน 125 ซีซี และต้องทำใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกก่อนที่จะมาวิ่งรับจ้าง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมของทั้ง 4 ฝ่าย และหากมีข้อสรุปจะมีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง