อาจารย์ไทยเชื้อสายเวียดนามเชื่อ มือวางยาพิษยกซดก่อน พิสูจน์ความไว้ใจตามวิถีชาวเวียดนามที่คนรินต้องดื่มก่อน ถือว่าใจเด็ดเหี้ยมมาก
จากกรณีที่พบศพชาวต่างชาติเสียชีวิต 6 ศพ แบ่งเป็นหญิง 3 ราย และชาย 3 ราย เป็นชาวเวียดนามทั้งหมด แต่มี 2 รายที่มีสัญชาติอเมริกัน โดยเสียชีวิตที่โรงแรมย่านราชประสงค์ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ซึ่งจากการชันสูตรพบว่าทั้ง 6 เสียชีวิตจากการถูกวางยาไซยาไนด์ และสันนิษฐานว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุ
ล่าสุดวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนมได้รับการเปิดเผยจากนายเกรียงไกร ศรีพงษ์ อายุ 74 ปี ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม อดีตอาจารย์สอนพิเศษมหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครและมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ให้ข้อมูลว่า การดื่มชาของชาวเวียดนามไม่แตกต่างไปจากการดื่มชาของชาวจีน เกาหลี หรือญี่ปุ่น โดยคนชงชาจะรินชาให้ผู้อยู่ในวงสนทนาเริ่มจากถ้วยของผู้ใหญ่ หรือ ผู้อาวุโสก่อน ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพ จากนั้นก็รินให้ตามลำดับจนครบทุกถ้วย โดยคนรินจะต้องดื่มก่อนเพื่อให้ผู้ที่อยู่ร่วมวงมั่นใจว่าไม่มียาพิษเจอปนอยู่ในน้ำชา
จากที่ติดตามข่าว 6 ศพ พบว่าคนที่วางยาพิษในกาน้ำชาก็เสียชีวิตด้วยก็ไม่เป็นเรื่องแปลก ในวิถีการดื่มชา คาดต้องการสังหารหมู่รวมทั้งตนเองด้วย จึงผสมไซยาไนด์ลงในใบชาแล้วก็ยกถ้วยชาดื่มก่อนใคร เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีสารพิษ คนอื่นๆที่เหลืออีก 5 คนก็ยกดื่มตาม ถือว่าหญิงคนนี้ใจเด็ดมาก ที่ฆ่าตัวตายพร้อมกับเพื่อนร่วมธุรกิจ
ขณะที่ร้านขายของฝากในพื้นที่ จ.นครพนม ไม่มีใบชาเวียดนามวางขาย แต่ไปพบที่ตลาดอินโดจีนเพียงแห่งเดียว โดยนางจิ้งหรีด สาระไชย อายุ 62 ปี แม่ค้าขายของฝากจากเวียดนามเปิดเผยว่า ชาเวียดนามจะขายดีในช่วงฤดูหนาว ฤดูร้อน ส่วนหน้าฝนไม่ค่อยเท่าไหร่ ส่วนที่มีข่าวใน กทม.เกี่ยวกับดื่มชาผสมสารพิษ ไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะปกติก็ขายได้เรื่อยๆ.