สายไหมต้องรอด พาหญิงสาวผู้เสียหาย ร้อง สคบ.ซื้อครีมย้อมผมมาทำสี ร่วงเกือบหมดหัว ซ้ำถูกเจ้าของแบรนด์ไล่ให้โกนทั้งหัว ถ้าทำใจไม่ได้
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. หลัง ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมแล้วมีอาการผมร่วงทั้งศีรษะ แต่บริษัทไม่รับผิดชอบ
ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไปซื้อครีมย้อมผมมา 2 กล่อง ราคากล่องละ 89 บาท ซึ่งเลือกซื้ออยู่นาน อ่านหน้ากล่องทุกอย่าง เพราะเคยย้อมผม แต่ไม่ได้ย้อมมานานกว่า 1 ปีแล้ว จึงอยากเลือกให้ดี ซึ่งตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้ เพราะเขียนข้างกล่องว่า ปราศจากแอมโมเนีย กลิ่นอ่อนโยน ไม่แสบหนังศีรษะ ใช้สารสกัดธรรมชาติจากข้าวโพด
โดยวิธีใช้ข้างกล่อง เขียนไว้ว่า ให้ย้อมผมทิ้งไว้ 30-40 นาทีแล้วล้างออก แต่พอเริ่มย้อมผมไปแค่ประมาณ 15 นาที กลับรู้สึกแสบร้อนมากแบบผิดปกติ เพราะที่ผ่านมาที่เคยย้อมผม ก็จะรู้สึกแสบบ้าง แต่ไม่มาก และทิ้งไว้ได้เป็นชั่วโมงก็ไม่เป็นอะไร แต่ครั้งนี้ รู้สึกแสบร้อนเหมือนโดนน้ำกรด เป็นหย่อม จนทนไม่ไหว จึงรีบไปล้างออก ปรากฎว่า เส้นผมได้หลุดร่วง ติดออกมาตามมือเยอะมาก ตอนนั้นตนตกใจมาก และรู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว จึงไปเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วยถ่ายวิดีโอไว้ให้
จากนั้นจึงกลับไปที่ร้านค้าที่ซื้อมา แล้วบอกให้เจ้าของร้านช่วยติดต่อบริษัทเจ้าของแบรนด์ให้ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทติดต่อมา แล้วบอกว่า การย้อมผมแล้วมีผมหลุดร่วง เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ตนจึงบอกว่าขอให้มาดูก่อน เพราะมันร่วงเยอะมากผิดปกติ เขาก็บอกว่า ให้ไปหาหมอ ไปเช็คให้แน่ใจก่อนว่าอาการแพ้เกิดจากผลิตภัณฑ์ของเขาจริง
หลังจากนั้น ตนไปหาหมอ หมอก็บอกว่า อาการตนเกิดจากสารเคมีที่ใช้ย้อมผม ซึ่งทางบริษัทก็โทรกลับมาถามว่า มีอาการพองตามหนังศีรษะไหม ตนบอกว่าไม่มี แค่แสบร้อนและผมร่วง เขาก็บอกว่า ถ้าแพ้จริง ต้องพองเป็นดวงๆ ตนจึงรู้สึกว่า ตนผมร่วงขนาดนี้ ยังไม่คิดจะเยียวยา ต้องให้เป็นขนาดไหน ตนไม่ได้โทษผลิตภัณฑ์ แต่อย่างน้อย เมื่อมันเกิดขึ้น ก็น่าจะมาถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่ใช่พยายามจะโทษอย่างเดียวว่าตนใช้ผิดวิธีหรือไม่ เพราะตนทำตามขั้นตอนทุกอย่าง
หลังจากนั้น ทางบริษัทก็มีการติดต่อกลับมาอีกครั้ง บอกว่าจะเยียวยา ช่วยค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายไปประมาณ 2,000 บาท แต่ไม่เยียวยาเป็นเงินก้อน เพราะบริษัทไม่ผิด ตนมีอาการแพ้เอง ผมไม่แข็งแรง ไม่เกี่ยวกับบริษัท ที่ผ่านมาที่ตนเคยย้อมผมก็ไม่เป็นอะไร และบริษัทยังบอกด้วยว่า ถ้าตนยังทำใจไม่ได้ ก็ให้โกนผมทิ้งไปหมดเลย เดี๋ยวก็ขึ้นใหม่ยาวเท่ากัน
ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า ตนสงสัยว่าการที่บริษัทบอกว่า อาการแพ้เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแพ้นั้น แปลว่าบริษัททำของออกมาขาย เมื่อมีคนแพ้ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย คนขายได้กำไรแต่ผู้บริโภคให้ไปหาหมอเอาเองเหรอ โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและสภาพจิตใจมาก จากเคยร่าเริง ตอนนี้ออกไปข้างนอก ก็อายคน เจอคนทำผมสีสวย ก็น้ำตาไหล จนตอนนี้ผมก็ยังไม่หยุดร่วง ยังแสบศีรษะเวลาเหงื่อออก ต้องทายาต่อเนื่อง
ขณะที่ นายเอกภพ กล่าวว่า เคสนี้ผู้เสียหายเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เพราะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยขอฝากถึงบริษัทผู้ผลิต ว่าให้ท่องว่าผู้เสียหายเป็นลูกค้าคนหนึ่ง ที่ซื้อสินค้าไปใช้แล้วเกิดปัญหา ไม่มีใครพุ่งเป้าว่าผลิตภัณฑ์ไม่ดี แต่การที่มันมีโอกาสแพ้เกิดขึ้น แม้จะเพัยง มี 1 ในร้อย หรือ 1 ในพัน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว บริษัทก็ควรต้องดูแลเยียวยา เอาผลิตภัณฑ์กลับไปตรวจสอบ เปรียบเทียบกับบริษัทรถยนต์ หากเจอปัญหาเพียงคันเดียว บริษัทก็ต้องเรียกกลับไปทั้งล็อต เพื่อตรวจสอบให้เกิดความปลอดภัย ไม่ใช่มาบอกทันทีว่าไม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ แต่เป็นเพราะผมลูกค้าเอง
ด้าน นายศุภกิตติ์ มะลิ เลขานุการกรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ทาง สคบ. จะรับเรื่องร้องทุกข์ไว้และดูแลผู้เสียหาย โดยกรณีนี้ ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะให้หน่วยงานไปตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ อีกส่วนคือการชดเชยความเสียหาย จะเรียกบริษัทมาเจรจาไกล่เกลี่ยต่อไปว่าจะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง