ทักษิณไม่อภิสิทธิ์ชน ราชทัณฑ์-รพ.ตร. ยันรักษาผู้ป่วยเท่าเทียม ไม่มีเลือกปฏิบัติ พร้อมแจง ป.ป.ช. หลัง กสม. ยื่นสอบปมเอื้อทักษิณ
วันที่ 3 ส.ค. 67 นาย สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แถลงผลสอบกรณีการรักษาตัวของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำวรจ 181 วัน เป็นการเลือกปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจว่า
ได้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดลึกๆ ส่วนขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์นั้น ถ้าผู้ร้องมีการส่งเรื่องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. แรกเริ่มก็จะเป็นกระบวนการของ ป.ป.ช.ที่จะต้องตรวจสอบก่อน ขณะที่ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ พร้อมที่จะเข้าให้ข้อมูลสนับสนุน และชี้แจงทุกประเด็นที่ ป.ป.ช.เรียกสอบถาม แต่ก็จะจัดเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วน
นายสหการณ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ผู้ร้องได้ร้องเรียนเรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังออกรักษาตัวนอกเรือนจำเป็นเวลานานเกิน 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน โดยมี ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทำหนังสือขอความเห็นชอบตามลำดับชั้นของผู้บริหาร จนเป็นเหตุให้อดีตนายกฯ นอนรักษาอาการป่วยนอกเรือนจำได้เป็นระยะเวลานานเกินไป รวมถึงมีอาการวิกฤตทุกวันถึงขั้นไม่ส่งตัวนอนห้องฉุกเฉิน แต่กลับอยู่ในห้องพิเศษ ชั้น 14 นั้น
ขอเรียนว่า หลักในการพิจารณาสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีอาการป่วยตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เรื่อง กฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 มีเจตจำนงว่า การเห็นชอบให้ผู้ต้องขังรักษาตัวเกิน 30 วัน 60 วัน และเกินกว่า 120 วัน จะเป็นการพิจารณาโดยนำเอาข้อมูลทางการแพทย์มาใช้ประกอบ อีกทั้งหากราชทัณฑ์จะพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้ถ้าความเห็นของแพทย์เห็นว่าผู้ต้องขังรายนี้มีความเจ็บป่วยที่จำเป็นจะต้องรักษาและอยู่ในความดูแลของแพทย์โดยใกล้ชิดต่อไป ดังนั้น กรณีที่อนุมัติให้อดีตนายกฯได้นอนรักษาตัวภายนอกเรือนจำตามระยะเวลาดังกล่าว จึงมาจากการใช้ความเห็นแพทย์ในการพิจารณา
นายสหการณ์ กล่าวอีกว่า กรมราชทัณฑ์ไม่มีความกังวลใจใดๆ ที่จะต้องชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงต่อ ป.ป.ช. ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า การที่จะนำผู้ต้องขังคนใดไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของผู้ต้องราชทัณฑ์ในช่วงนั้น ถ้าเกินกว่าศักยภาพที่เรือนจำจะให้การดูแลรักษาได้ ก็มีความจำเป็นต้องส่งรักษายังสถานพยาบาลที่มีความพร้อมและมีศักยภาพสูง เนื่องจากคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ เป็นมาตรการขั้นพื้นฐานที่ราชทัณฑ์ต้องให้การดูแลเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงกับผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกรายโดยเท่าเทียมกัน
ขณะที่ พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษก รพ.ตำรวจ กล่าวว่า รักษาผู้ป่วยทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่ง รพ.มีหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย แต่ในการควบคุมดูแลเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ โดยที่ผ่านมา กสม.และป.ป.ช.ก็ได้มีการขอเอกสารรายละเอียดการรักษานายทักษิณ ซึ่ง รพ.ตำรวจ ก็ได้นำส่งเอกสารดังกล่าวให้ กสม.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไร เพราะรักษาผู้ป่วยทุกคนอย่างเท่าเทียม