ด่วน! "เศรษฐา" เปิดใจ น้อมรับคำตัดสินศาล เสียใจถูกมองว่าเป็นนายกฯไร้จริยธรรม อุบตอบเข็ดกับการเมืองหรือไม่
ภายหลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมากมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทีวิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง รู้ว่าพฤติกรรมของนายพิชิต แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้เป็นรมต.ประจำสำนักฯ ให้ความเป็นนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง และส่งผลให้ ครม.หลุดทั้งคณะ
ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน ได้แถลงข่าวเปิดใจที่ทำเนียบรัฐบาล ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ระบุว่า คำพิพากษาก็ออกมาแล้ว ผมขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่าน ที่ให้โอกาสทุก ๆ ฝ่ายได้มีโอกาสชี้แจง ประเด็นทั้งหลาย และมีการหยิบยกมาพูดคุย กันในวงกว้างและเป็นธรรม เคารพคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยัน ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี หรือ 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งมา พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง มีความตั้งใจจริงในการทำงาน ยึดมั่นในอุดมการณ์ในการทำงาน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกๆฝ่าย ไม่ได้ทำตัวเป็นที่ขัดแย้งของทุกๆคน ยืนยันอีกครั้งว่าเคารพคำตัดสิน ของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าว่าผลตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งผลออกมา มี 2 แนวทาง แต่ตนก็ยังมีหน้าที่ก็ต้องทำต่อไป โดยการวางแผนระยะยาว ระยะสั้น ว่าต้องเดินทางไปไหน ไม่ได้บ่งบอกว่าจะไปก้าวล่วง หรือไปคาดเดาว่าผลตัดสินจะออกมาอย่างไร
และในขณะที่นั่งฟังคำพิพากษา ไม่ได้มองว่าจะถูกตัดสิทธิ์หรือไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่เสียใจ ที่ถูกมองว่านายกฯไม่มีจริยธรรม ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าตัวตนของผมไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เมื่อศาลตัดสินมาแล้วและเป็นตุลาการที่มีความรู้ความสามารถตัดสินมาแบบนี้ผมก็น้อมรับ
เมื่อถามว่าเสียดายไหมที่นายกฯ ยังไม่ทันได้เดินหน้าในสิ่งที่ตั้งใจไว้ นายเศรษฐา ตอบว่า ก็เป็นธรรมดา เพราะยังมีภารกิจอีกเยอะ และยังมีปัญหาของพี่น้องประชาชนอีกเยอะ แต่อย่างที่เคยบอกไว้ว่าบ้านเมืองยังมีคนเก่งอีกหลายคน ก็สามารถเข้ามายืนตรงนี้และทำงานต่อไปได้
นักข่าวถามว่าจะฝากอะไร ไปถึงคนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ไม่ต้องฝากเพราะทีมงานเดิมก็มีอยู่แล้วรัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ขณะที่รองนายกฯ ภูมิธรรม กำลังหาไฟท์บินกลับมา จะคาซัคสถาน แต่ถ้าไม่ทันก็จะเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 คือท่านสุริยะซึ่ งก็อยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ดีอยู่แล้ว มั่นใจในทีมงาน และกระบวนสรรหา นายกฯ ต่อไป ก็ต้องผ่านทางสภาฯ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
เมื่อนักข่าวถามว่า เป็นกระบวนการวางยาหรือไม่ นายเศรษฐา บอกว่าส่วนตัวไม่เคยคิดแบบนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ผลออกมา แล้วไม่ได้เป็นดั่งที่เราไม่ได้คาดหวังไว้ จะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้หรือวางยา ผมไม่ใช่อย่างนั้น ซึ่งทุกอย่างผมได้แถลงชี้แจงไปหมดแล้ว และเป็นสิ่งที่อยากผมอยากจะพูดไปเรียบร้อยแล้ว ท่านตุลาการทุกท่านเอง ก็มีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว และท่านก็ได้ตัดสินตามข้อมูล ซึ่งผมก็น้อมรับคำตัดสิน
เมื่อถามว่า เข็ดกับการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐา บอกว่า ไม่เกี่ยวกับ เข็ดหรือไม่เข็ด จริง ๆ แล้วปัญหาบ้านเมืองมีเยอะแต่ละคนก็ สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือบ้านเมืองได้ในหลาย ๆ หน้าที่
นักข่าวมต่อว่า หลังศาลรัฐธรรมวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งมีใครโทรศัพท์มาให้กำลังใจหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า "มีคนส่งข้อความเข้ามา บอกว่าจะเข้ามาหา แต่ผมบอกว่าอย่าเข้ามาเลย เพราะผมจะไปแล้ว เขาไม่ให้ผมอยู่ตรงนี้แล้ว"
เมื่อถามว่า ในวันที่ 15 ส.ค.และหลังจากนี้จะทำอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร เพราะไม่เคยคิดว่าจะหลุดหรือจะต้องทำอะไรต่อ การจะไปต่อมันง่าย เพราะแผนงานออกไปแล้วแต่ ถ้าหลุดก็ต้องไปคิดดู ก็อย่างที่บอกว่าอาจจะไปลอยอังคารคุณแม่เร็วขึ้น
เมื่อถามว่า ได้มาถึงจุดสูงสุดของชีวิตในการเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยคิดว่ามาถึงจุดสูงสุด เพราะจุดสูงสุดของแต่ละคนแตกต่างกันไป ตนไม่ได้คิดตรงนี้ เรามีโอกาสได้มาดูแลบ้านเมืองและมีส่วนในการผลักดันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดของตน แต่การที่เราจะเดินต่อไปก็เพิ่งอายุ 62 ปีก็คงจะทำอะไรได้อีกเยอะ
เมื่อถามว่า จุดสูงสุดคืออะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า "เป็นลูกที่ดี" จากนั้น นายเศรษฐา จบการให้สัมภาษณ์ ก่อนเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล
Advertisement