คิวพี ชินดนัย ควงพ่อกับเจ้าของเรือ เข้าให้ปากคำ เจ้าตัวปิดหน้าปิดปากเงียบไม่คุยสื่อ ตำรวจยันแจ้งข้อหาภายในวันนี้
กรณีเหตุสลดหลังเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 17 ส.ค. ได้เกิดอุบัติเหตุเจ็ตสกีของนายชินดนัย แซ่ลิ้ม หรือ “คิวพี” นักแสดงละครซีรีส์ดังขี่เจ็ตสกีพุ่งชนเรือหางยาวข้ามฟากขนาดเล็กกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งน้ำพระประแดง จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจมสูญหายในน้ำ 2 ราย คือผู้โดยสารที่มากับเรือหางยาวและคนขับเรือโดยสาร จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ตามที่ได้นำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ล่าสุดเวลา 11:45 น. นายชินดนัย แซ่ลิ้ม หรือ คิวพี ได้เดินทางไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ เพื่อพูดคุยและให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแก่เจ้าพนักงานเจ้าท่า โดยนายคิวพีแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาว สวมหมวกแก๊ปสีดำ และใส่แมสก์ปกปิดใบหน้า ได้เดินทางมาพร้อมกับพ่อ และลุงเจ้าของเรือเจ็ตสกี
โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามเข้าไปพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงกับนายคิวพีว่าอยากที่จะต้องการขอโทษอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ รวมทั้งสภาพจิตใจหรืออยากจะกล่าวอะไรถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ปรากฏว่านายคิวพีได้แต่ก้มหน้าและไม่ตอบคำถามใดๆกับผู้สื่อข่าว เช่นเดียวกับพ่อและลุงของนายคิวพีที่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่ทั้ง 3 คนจะเดินทางขึ้นไปยังห้องสอบสวนชั้น 2 โดยมีนายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ และเจ้าพนักงานร่วมทำการสอบสวน
จากการสังเกตการณ์หน้าห้องสอบสวน พบว่านายคิวพีและพ่ออยู่ในสภาพที่เคร่งเครียด มีบางช่วงจังหวะที่พ่อได้กุมมือนายคิวพีเอาไว้ ส่วนลุงของนายคิวพี ทางเจ้าพนักงานได้แยกไปสอบสวนอีกห้องนึง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังการสอบสวน
นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในวันนี้จะเรียกทั้งตัวเจ้าของเรือและนายคิวพีมาเพื่อสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะให้ทั้งสองคนนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับใบทะเบียนเรือเจ็ตสกีและประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือหรือใบนายท้าย ซึ่งเปรียบเสมือนใบขับขี่รถยนต์มาแสดงต่อเจ้าพนักงานด้วย
โดยนายฉัตรชัย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้ขับขี่เรือได้นั้นจะต้องมีประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือ หรือใบนายท้าย ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่านายคิวพี มีใบนายท้ายตามที่กระแสข่าวหรือไม่ แต่ถ้าหากว่าไม่มีใบดังกล่าว ก็จะมีความผิดตามกฎหมายซึ่งทางเจ้าพนักงานกรมเจ้าท่า ก็จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.พระประแดงต่อไป โดยความผิดฐานไม่มีใบท้ายเรือตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทยพุทธศักราช 2456 นั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รองผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้เดินทางมายังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ เพื่อหารือกับทางสำนักงานเจ้าท่า เกี่ยวกับคดีดังกล่าว
โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าจากกระแสข่าวว่าขณะที่มีปัญหาเรื่องท้องที่ที่รับผิดชอบคดีกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นของสภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หรือ สน.บางคอแหลม กทม. พ.ต.อ.ประภาส กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ว่าเป็นเขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจใดนั้นต้องให้ทางเจ้าท่าเป็นผู้ชี้ชัดตรวจสอบก่อนว่าเครื่องยนต์เรือยาวที่ถูกชนตกอยู่ในท้องที่ใด รวมทั้งต้องให้ทางเจ้าท่าดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับเส้นทางการเดินเรืออย่างละเอียด ถึงจะสามารถชี้ชัดได้ว่าท้องที่ใดต้องรับผิดชอบและจะสามารถดำเนินคดีทางอาญาได้ ส่วนในเรื่องความผิดเกี่ยวกับการขับเรือเจ็ตสกีนั้น ต้องให้ทางเจ้าท่าเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนและแจ้งความดำเนินคดี
ซึ่งขณะนี้นอกจากรอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เดินทางมายังสำนักงานเจ้าท่าแล้ว ยังมีตำรวจของสภ.พระประแดง ได้เดินทางมาที่สำนักงานเจ้าท่า คาดว่านอกจากจะมาหารือเกี่ยวกับคดีนี้แล้ว จะดำเนินการสอบสวนนายคิวพีและเจ้าของเรือร่วมกับทางเจ้าท่าด้วย
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 11:15 น.พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รองผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมตำรวจสภ.พระประแดง ได้เดินทางกลับจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ โดยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับข้อสรุปด้านท้องที่จะให้ สภ.พระประแดงเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดี แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆกับคนขับเจ็ตสกี เนื่องจากต้องรอข้อเท็จจริงที่เจ้าพนักงานเจ้าท่าสอบปากคำคนขับเจ็ตสกีก่อน จากนั้นค่อยนำมาพิจารณาข้อมูลก่อนที่จะแจ้งข้อหาต่อไป คาดว่าน่าจะแจ้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ภายในวันนี้ เนื่องจากได้นัดหมายที่จะสอบปากคำนายคิวพีต่อในช่วงบ่าย ภายหลังจากให้ข้อมูลกับเจ้าพนักงานเจ้าท่าแล้วเสร็จ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคดีเกิดตั้งแต่ช่วงค่ำวันเสาร์แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตมีความกังวลว่าจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ พ.ต.อ.ประภาส กล่าวว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแตกต่างจากอุบัติเหตุตามท้องถนน ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือในการวิเคราะห์พยานหลักฐานต่างๆ ถ้ากรมเจ้าท่าสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น ก็จะให้ทางกรมเจ้าท่าไปให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำมาประกอบการแจ้งข้อกล่าวหานายคิวพีต่อไป ยืนยันว่าทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรมในคดีนี้อย่างแน่นอน.