จากกรณีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ ล่าสุด พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหากับนางสุชาวดี ปทุมอินทร์ซึ่งเป็นนายหน้านำเอารถเก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นวีออส สีบรอนเงิน หมายเลขทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ ของน.ส.จุฑาภรณ์ไปขายโดยแจ้งข้อหาว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรและปลอมเเปลงเอกสารตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (21 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจตำรวจภูธรจ.ศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.ประเสริฐ ศักดิ์ศรีไชย ผกก.กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้แต่งตั้งพนักงานสอบสวนคดีที่น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือผอ.อ้อย หายตัวไปนั้น ขณะนี้การสอบสวนมีความคืบหน้าไปเป็นอย่างมาก โดยจากการสอบสวนพบว่า หลังจากที่น.ส.จุฑาภรณ์หายตัวไปแล้ว ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์ของน.ส.จุฑาภรณ์ ในการสนทนากับญาติพี่น้องของน.ส.จุฑาภรณ์
ดังนั้นทางพนักงานสอบสวนจึงได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยการนำเอาโปรแกรมฟิชชิ่งมาใช้ในการดำเนินการโดยให้พี่สาวของน.ส.จุฑาภรณ์ส่ง Messenger เข้าไปในเฟซบุ๊กของน.ส.จุฑาภรณ์และไม่นานก็ได้มีข้อความในMessengerเฟซบุ๊กของน.ส.จุฑาภรณ์ตอบมา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดเอาโทรศัพท์มือถือของร.อ.ศุภชัย ภาโส ผู้ต้องหาสำคัญคดีนี้มาตรวจสอบ โดยใช้โปรแกรมฟิชชิ่งซึ่งพบว่าโทรศัพท์ของร.อ.ศุภชัย ใช้ในการสนทนาเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์ของน.ส.จุฑาภรณ์มาโดยตลอด ทำให้เป็นหลักฐานสำคัญส่วนหนึ่งในการสอบสวนหาตัวน.ส.จุฑาภรณ์ที่หายไป พนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อหากระทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แก่ร.อ.ศุภชัยในเร็วๆนี้
ทางด้านนายบัวกัน อุ่นอ่อน ผู้ใหญ่บ้านโนนเจริญ อาของน.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า ในวันนี้ชุดค้นหานำโดยนายวิทยาเกษแก้ว และนายสนองศักดิ์ ยินธนานนท์ ผู้ใหญ่บ้านซำเม็ง พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้พากันลุยค้นหาตัวน.ส.จุฑาภรณ์ที่บริเวณปราสาทโดนตรวล ติดกับชายแดนไทย – กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร เนื่องจากเป็นจุดที่สัญญาณโทรศัพท์ได้หายไปบริเวณนี้โดยพวกตนและญาติพี่น้องทุกคนยืนยันว่าจะยังคงตามหาตัวของน.ส.จุฑาภรณ์ต่อไปจนกว่าจะพบและจะไม่ยกเลิกการค้นหาอย่างเด็ดขาด