สลด! สาวเล็บแดง ถูกคนร้ายฆ่ารัดคอ ทิ้งริมหนองน้ำ พบรถติดหล่ม ก่อนเผ่นหนี
เมื่อเวลา06.30น.วันที่21สิงหาคม2567ร.ต.อ.สุวิทย์ มันหาท้าว รองสว.(สอบสวน)สภ.อุบลรัตน์รั บแจ้งจากศูนย์วิทยุ191ว่ามีชาวบ้านพบศพผู้เสียชีวิต ริมหนองน้ำทางด้านทิศใต้ของบ้านภูคำเบ้า ม.7 ต.เขื่อน อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
ที่เกิดเหตุ อยู่ที่โนนหนองใหญ่ พบศพผู้ตายเป็นหญิง ย้อมผมสีแดง ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีแดง ใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น ผิวขาว ทาเล็บสีแดง สูงประมาน 150 ซม.อายุประมาณ 40-50 ปี ในตัวไม่พบหลักฐานว่าผู้ตายชื่ออะไร อยู่ที่ใดนอนเสียชีวิตในสภาพหงาย ห่างจากหนองน้ำเพียงเล็กน้อย
นายสมบูรณ์ อายุ 67 ปี ชาวบ้านภูคำเบ้า กล่าวว่า ตนเลี้ยงวัวอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะมีคนเข้ามาเที่ยวและนั่งดื่มกินกันจำนวนมาก จนถึงดึกดื่น บางครั้งก็มีเหตุทะเลาะวิวาทกัน แต่ไม่เคยร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
โดยก่อนพบศพ ชาวบ้านออกหากบ หาปลา มาพบรถกระบะสีขาว จอดอยู่บนถนนใกล้สระน้ำ จึงสาดไฟส่องดู คนในรถกระบะรีบขับรถออกจากพื้นที่ไป ชาวบ้านจึงส่องไฟในสระน้ำก็พบศพ เป็นผู้หญิง ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ที่ลำคอมีรอยเขียวช้ำ เหมือนถูกบีบ ทาเล็บสีแดง ย้อมผมสีแดง แต่ไม่มีบัตรประชาชน จึงไม่รู้ว่าคนตายเป็นคนที่ไหน แต่ไม่ใช่คนในพื้นที่
ขณะที่ นายปรีชา สาสร้อย อายุ 54 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านภูคำเบ้า กล่าวว่า หลังรับแจ้งจากลูกบ้านว่าพบศพถูกทิ้งข้างสระน้ำที่โนนหนองใหญ่ จึงไปตรวจสอบพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นก็แจ้งตำรวจ ซึ่งเป็นศพผู้หญิงผิวขาว สูงประมาณ 150 ซม. ทาเล็บสีแดง อายุประมาณ 40 ปี ลักษณะเหมือนหญิงทำงานกลางคืน ซึ่งคนในหมู่บ้านไม่คุ้นหน้ามาก่อน
และจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ก่อนจะพบศพหญิงรายดังกล่าวนั้น ช่วงเที่ยงคืน คืนที่ผ่านมา มีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ขับเข้ามาใกล้บริเวณสระน้ำ แล้วรถติดหล่มโคลน แต่ชาวบ้านไม่สนใจ กระทั่งมีคนมาพบศพดังกล่าวขณะไปหาจับกบจับปลา จึงไม่แน่ใจว่า รถคันดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการตายของหญิงรายนี้หรือไม่ และในตัวพบเงิน 70 บาท ไม่มีเอกสารว่าเป็นใคร และพบบิลใบเสร็จร้านสะดวกซื้อสาขาบ้านหว้า ในส่วนนี้ตำรวจได้เก็บเป็นหลักฐานเพื่อติดตามหาญาติผู้เสียชีวิตแล้ว
ก่อนต่อมาจะทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือ นางสมโชค กัญญาเขียว อายุ 51 ปี
ล่าสุดเมื่อเวลา17.00น.ภายหลังจากนายสันทัด กัญญาเขียว อายุ 55 ปีและลูกสาวเดินทางมาพบตำรวจ โดยทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำทั้งคู่เสร็จสิ้น ทางครอบครัวก็ได้เดินทางกลับทันที และไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆกับผู้สื่อข่าว โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าทางตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนซึ่งจะเป็นคนให้ข้อมูลต่างๆกับทางผู้สื่อข่าวเอง พร้อมกับกล่าวขอโทษก่อนจะพากันเดินขึ้นรถยนต์ออกจากโรงพักไปทันที