ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติวานนี้ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเปิดทางให้ใช้งบประมาณส่วนกลางกว่า 1.6 ล้านล้านบาท เพื่อสกัดการแพร่ระบาดที่อาจส่งผลกระทบใหญ่ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ทรัมป์ กล่าวระหว่างแถลงว่า สถานการณ์อาจแย่ลงกว่านี้ และจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติในช่วง 8 สัปดาห์ข้างหน้า
ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขและคณะผู้บริหารภาคเอกชนเข้าร่วม ในขณะที่ผู้นำสหรัฐพยายามแสดงให้ชาวสหรัฐเห็นว่าเขาดำเนินมาตรการเชิงรุกในการสกัดการแพร่ระบาดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขามีความหละหลวมในการรับมือกับสถานการณ์ก็ตาม
ผู้นำสหรัฐ บอกว่า ผู้บริหารบริษัทวอลมาร์ท ตกลงที่จะติดตั้งจุดตรวจเชื้อบริเวณลานจอดรถของห้างวอลมาร์ทั่วประเทศ คณะที่กูเกิล จะสร้างเว็บไซต์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ประเมินว่าตนเองต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อหรือไม่
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศสั่งห้ามพลเมืองจาก 26 ชาติในยุโรป เดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา 30 วัน โดยอาจขยายคำสั่งให้ครอบคลุมสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ อีกหลังจากนี้
ด้านนายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชส ของสเปน ก็ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวานนี้เช่นกัน และย้ำว่าจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่จากกองทัพร่วมกันสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นต่างออกประกาศฉุกเฉินจำกัดการเดินทางของประชาชนในชุมชนตลอดแนวชายฝั่ง 7 แห่ง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยคำสั่งนี้ หมายรวมถึงการปิดสถานบันเทิง และร้านอาหารด้วย
