แก๊งเงินกู้บางใหญ่ทวงหนี้ผิดตัว ยกพวกมาอย่างเท่ห์ แต่เจอคนจริง สุดท้ายเผ่นหนีป่าราบ
วันที่ 27 ส.ค.67 เมื่อเวลา 18.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากญาติพี่น้องของนายอรัญ ฉิมช้าง อายุ 56 ปี ว่าถูกแก๊งเงินกู้ยกพวกเข้ามาติดตามทวงหนี้ถึงภายในบ้านพัก โดยใช้อาวุธมีดดาบตรงเข้ามาทำร้าย แต่นายอรัญต่อสู้กับแก๊งทวงหนี้ จนสามารถแย่งมีดดาบมาได้ ทำให้แก๊งเงินกู้กลุ่มดังกล่าวทิ้งรถจยย.วิ่งหนีแตกกระเจิงออกจากบ้านหลังเกิดเหตุ
ในเวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ลงพื้นที่ภายในบ้านพักหลังดังกล่าวพร้อมกับเก็บหลักฐานของแก๊งเงินกู้ที่ก่อเหตุเอาไว้ ทั้งรถจยย.ที่จอดทิ้งในบ้าน หมวกกันน็อก รวมทั้งมีดดาบที่เตรียมนำมาก่อเหตุ ก่อนจะเชิญตัวนายอรัญ ฉิมช้าง เจ้าของบ้านที่ได้รับบาดเจ็บจากไปสอบปากคำ
หลังก่อนหน้านี้นายทัชชกร ยศเพชรการณ์ แก๊งทวงหนี้หลบหนีไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกนายอรัญ เจ้าของบ้านไล่ทำร้ายร่างกายมาและยึดรถ จยย.เอาไว้ จึงเกรงว่านายอรัญ เจ้าของบ้าน ผู้ได้รับบาดเจ็บจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากแก๊งเงินกู้ก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและอาจจะมีเส้นสายที่ดีในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ม.5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อติดตามเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพบว่าทางครอบครัวและกลุ่มเพื่อนบ้านของนายอรัญ กำลังยืนจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายโพธิ์ แก้วจู อายุ 55 ปี เพื่อนของนายอรัญ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่าขณะที่นายอรัญ เพื่อนตนนั่งทำงานตีเหล็กอยู่นั้น มีชายคนหนึ่ง แต่งกายมิดชิดขี่ รถจยย.ไม่ติดป้ายทะเบียนเข้ามาทวงหนี้ แต่เพื่อนตนได้บอกปัดไปว่าไม่รู้เรื่องด้วย และเขาก็ไม่เคยไปกู้เงินใครมาให้กลับออกไป ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะขี่รถจยย.กลับออกไปและอีกสักพักใหญ่ๆจึงขี่กลับมาพร้อมกับรถจยย.อีก 4 คันประมาณ 6 คน พอลงจากรถมาชายคนแรกที่เข้ามาตามทวงหนี้ได้เดินตรงเข้ามาแล้วใช้หมวกกันน็อกกระหน่ำตีใส่นายอรัญเพื่อนตน จนนายอรัญวิ่งหลบหนีไป แก๊งทวงหนี้อีกคนก็คว้าขวดเบียร์มาปาใส่ ก่อนที่ชายคนแรกที่มาตามทวงหนี้จะชักมีดดาบที่พกออกมาแล้วเดินเข้าไปจะทำร้ายนายอรัญ ทำให้นายอรัญเข้าต่อสู้จนสามารถแย่งมีดดาบจากคนร้ายมาได้ แม้จะถูกมีดบาดก็ตาม
จากนั้นเมื่อแก๊งทวงหนี้เห็นเพื่อนตนแย่งมีดได้แล้ว ต่างก็พากันวิ่งหนีออกจากบ้านพักไป โดยทิ้งรถไว้ 1 คัน จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาที่บ้านแล้วนำของกลางที่คนร้ายทิ้งไว้ทั้งหมดไปที่โรงพัก
นายอรัญ เล่าว่า ตนไม่เคยรู้จักกับแก๊งเงินกู้แก๊งนี้มาก่อนแม้แต่คนเดียว มาตามทวงหนี้กับแฟนตน ซึ่งตนกับแฟนก็แยกกันอยู่คนละบ้าน ซึ่งถ้าจะมาทวงหนี้ก็ให้ไปทวงกับแฟนสาวตนที่เป็นคนกู้ แต่ตนไม่ได้กู้ ไม่ได้รู้เรื่องด้วย แล้วจะมาตามทวงอะไรจากตน แถมหลังบุกรุกเข้าทำร้ายตนถึงบ้านแล้ว ยังกลับไปแจ้งความที่โรงพักว่าตนเป็นฝ่ายทำร้ายร่างกายก่อนอีก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามเรื่องราวทั้งหมด จึงทราบความจริงว่าแก๊งเงินกู้ทั้งหมดที่ยกพวกไปก่อนเหตุในบ้านพักของตน มีความผิดในข้อหาบุกรุก ซึ่งเป็นข้อหาหนัก ทำให้ฝ่ายแก๊งเงินกู้ขอไกล่เกลี่ยชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชย ที่ทำงานไม่ได้ เพื่อให้ตนถอนแจ้งความ โดยยินยอมชดใช้ให้ตนเป็นเงิน 2 หมื่นบาท และยกหนี้ 1 หมื่นบาท ที่แฟนสาวตนติดค้างให้อีกด้วย ตนจึงไม่ติดใจเอาความ เพราะไม่อยากมีปัญหาต่อไปกับแก๊งเงินกู้กลุ่มนี้.