บังสุดช้ำ! อยู่กินกับสาวไทยมา 30 ปี ทุ่มเททั้งเงิน และความรัก สุดท้ายถูกขอหย่า ได้แค่ตู้เย็นเก่าๆติดตัว ด้านสาวไทยสุดทน ลั่นเจอด่าหยาบทุกวัน
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 2 ก.ย.67 นายสยาม ประสาทดูเบรองประธานคณะทำงานกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีพา นายราเดช อายุ 52 ปี ชาวอินเดีย เข้าพบ ร.ต.อ.เสถียรชู ศรีวาสส์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ยและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
โดยนายราเดช อ้างว่า ถูกภรรยาชาวไทย ซึ่งจดทะเบียนสมรสอยู่กินมานานกว่า 30 ปี หมดรัก ขอแยกทาง แถมไล่ออกจากบ้านจนตนนั้นไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ของที่ได้ติดตัวออกมานั้นมีเพียงตู้เย็นเก่าๆเพียงตู้เดียว
นายราเดช เล่าว่า ย้อนไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตนเองรู้จักกับนางนุชราพร อายุ 53 ปี จากการแนะนำของแม่ของนุช ขณะที่ตนเองไปไปร่วมทำบุญอยู่ที่วัดชัยมงคล อ.เมืองสมุทรปราการ จากนั้นเมื่อพบเห็นครั้งแรก ตนเองก็ตกหลุมรักทันที เนื่องจากนุชเป็นคนหน้าตาสวย ประกอบกับพูดจาดีหวานเอาใจเก่ง จนทำให้ตนนั้นหลงเสน่ห์ตัดสินใจคบหากัน
ต่อมาตนเองจับได้ว่านุชนั้นมีลูกติด 4 คน แต่ทำตนได้รักไปหมดใจแล้ว จึงคบต่อ และดูแลครอบครัวของนุช กระทั่งจดทะเบียนสมรสกัน ระหว่างอยู่ด้วยกันนั้น ตนเองก็ดูแลคนในบ้านมาด้วยดีตลอดและยังเปิดร้านขายของย่านปากน้ำ เพื่อหาเงินสร้างครอบครัวด้วยกัน
ต่อมานุชก็เปลี่ยนไป กดดันให้ตนเองออกจากบ้าน จนมีปากเสียงกับตนบ่อยครั้ง ทั้งที่ตนทุ่มเททั้งเงิน และความรัก จนวันนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว จากนี้ไม่ตนเองไม่เอาอีกแล้วสาวไทย เข็ดไม่คิดว่าสิ่งที่ลงทุนไปจะได้กลับมาเพียงตู้เย็นเก่าๆเพียงตู้เดียว แต่วันนี้ตนเองไม่พร้อมที่จะหย่า และ ยังเป็นห่วงนุชที่ยังต้องรักษาอาการทางจิตอยู่ แต่หลังจากนุชหายดีแล้วตนเองจะมาเซ็นใบหย่าให้ แต่ขอเวลาอีก30วัน
ส่วงทางด้านนางนุชราพร ภรรยาของนายราเดช กล่าวว่า สาเหตุที่ตนขอหย่านั้นเพราะนายราเดช ชอบด่าตนเองด้วยคำหยาบคายและช่วงอยู่ด้วยกันนายราเดช ไม่ค่อยชอบขี้หน้าลูกตนทั้ง 4 คน จนทำให้ทั้งทะเลาะกันมาโดยตลอด จนวันนี้ตนเองทนไม่ไหวตัดสินใจขอแยกทาง แต่นายราเดช ก็ยังไม่ยอมเซ็นใบหย่าให้ และตนเองไม่ได้ป่วยจิตเวชตามที่นายราเดชอ้าง
ส่วนบรรยากาศภายในโรงพักสภ.เมืองสมุทรปราการ เกิดเหตุความวุ่นวาย โดยทั้งสองฝ่ายออกมาโวยวายตอบโต้กันไปมาเสียงดังลั่นโรงพัก จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาห้าม จนเกิดหวิดมวยก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะไปเซ็นชื่อในใบลงบันทึกประจำวัน ซึ่งนายราเดช ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับลูกของนางนุชราพร 2 คนที่มีปัญหากันและต่างฝ่ายจะไม่ยุ่ งสร้างความเดือดร้อนให้กันอีก นายราเดชยินยอมจะย้ายออกจากบ้านนางนุชราพร ขณะที่นางนุชราพร เองยินดีที่จะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ยกเว้นบ้านและที่ดิน
ต่อมาหลังจากนายราเดช ใจเย็นลงได้มาขอร้องให้ผู้สื่อข่าวช่วยนำเสนอเรื่องที่เกิดขึ้น และฝากผ่านสื่อช่าวบอกนางนุชราพร ว่าตนเองรักนุชมาก ถึงแม้ว่านุชจะหลอกตนเองก็เต็มใจจะให้หลอกตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันตนมีความสุขและจะไม่ขอเซ็นใบหย่าถึงมืนุชจะขอเลิกก็ตาม