เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พร้อมตม.ขอนแก่น บุกตรวจบ้านเช่า 2 แห่ง หลังมีแรงงานต่างด้าวเมียนมา นั่งรถบัสจ้างเหมา 3 คันเข้ามาอาศัยอยู่ 149 คน
วันที่ 7 ก.ย. 67 พ.ต.อ.สรายุทธ ก้านคำ ผกก.สภ.บ้านแฮด พร้อมด้วยนายปิตานนท์ ปัญญา นายอำเภอบ้านแฮด พ.ต.ท.โสรัจวิชยสุทธิ์ สวญ.ตม.จว.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่พมจ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจตม.จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กำนันตำบลบ้านแฮด และผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนกล้วยหอม ร่วมกันเข้าตรวจสอบตรวจค้นภายในบ้านเช่าไม่มีเลขที่ อยู่ในพื้นที่บ้านโนนกล้วยหอม หลังมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 97 คนอาศัยอยู่บ้านพักหลังดังกล่าว
นอกจากนี้นายอำเภอ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ในพื้นที่บ้านหนองไฮ ม.4 ต.บ้านแฮด อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ก็พบแรงงานต่างด้าวอีกจำนวน 52 ราย จึงนำตัวทั้งหมดมารวมตัวกันที่บ้านเช่าที่บ้านโนนกล้วยหอม และทำการตรวจพาสปอร์ต และเอกสารเกี่ยวกับการเข้ามาในราชอาณาจักรไทย พบว่าทั้ง 149 คนนั้นมีพาสปอร์ต และใบอนุญาตเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้อง จึงได้ทำการเรียกตรวจสอบรายชื่อที่ปรากฏในพาสปอร์ตซึ่งทั้งหมดก็ตรงกัน
นางมาลี อายุ 50 ปี ผู้ประสานงานการเช่าบ้านพักอาศัยให้แรงงานต่างด้าวเป็นที่พักอาศัยได้ เปิดเผยว่า มีนายหน้าทั้งคนไทยและชาวพม่าติดต่อมาให้หาบ้านเช่าในพื้นที่บ้านโนนกล้วยหอม และบ้านหนองไฮ อ.บ้านแฮด จึงจัดหาให้ได้ที่บ้านโนนกล้วยหอม จำนวน 2 แห่ง เป็นบ้านชุดเดียวตกลงค่าเช่าที่หลังละ 5,000 บาทต่อเดือน แต่ไม่รู้รายละเอียด และจำนวนของแรงงานที่จะมาพัก เพราะเป็นเรื่องของนายหน้าและ ทราบเพียงว่าแรงงานที่จะเข้ามาพักในพื้นที่ อ.บ้านแฮดนั้น จะมาทำงาน ในส่วนคัดแยกชิ้นส่วนไก่ ของบริษัทกระจายสินค้ารายใหญ่ในพื้นภาคอีสาน ซึ่งตั้งอยู่ที่จขอนแก่น โดยแยกทำงานในพื้นที่ ต.ท่าพระ อ.บ้านไผ่และ อ.บ้านแฮด
นายสมควร พิเนตร อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนกล้วยหอม ต.บ้านแฮด กล่าวว่า สังเกตเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านเช่าทั้ง 2 จุดได้ประมาณ 3 วันแล้ว แต่ไม่มีความผิดปกติ กระทั่งกลางดึกที่ผ่านมามีรถบัส 3 คันนำคนงานเข้ามาพักในบ้านทั้งสองหลัง และกระจายไปที่บ้านหนองไฮหลายคน ไม่มีคนพูดภาษาอีสาน หรือภาษาไทยได้ จึงรายงานไปยังนายอำเภอบ้านแฮด เพื่อเข้าทำการตรวจสอบ เพราะเกรงว่าจะเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาโดยไม่ถูกต้อง กระทั่งนายอำเภอนำกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ จนพบแรงงานชาวพม่าทั้งหมด ซึ่งตัวเองรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยพบเหตุการณ์คนจำนวนมาก เข้ามาพักอาศัยในหมู่บ้านแบบนี้มาก่อน
ขณะที่นายปิตา นนท์ปัญญา นายอำเภอบ้านแฮด กล่าวถึงการตรวจพบแรงงานชาวพม่าจำนวน 149 คนในครั้งนี้ว่า เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายแรงงานร้อยกว่ารายมาลงในพื้นที่ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รับรายงานจากผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนกล้วยหอม ผู้ใหญ่บ้านเชื่อว่าเป็นแรงงานต่างด้าว ลักษณะการแต่งกายแล้วน่าจะมาจากพม่ามาลงที่บ้านหลังดังกล่าวจำนวน 3 รถบัส จึงแจ้งรายงานทางอำเภอฝ่ายปกครอง และตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนพบความผิดปกติ
คือบ้านชั้นเดียว หลังไม่ใหญ่อยู่กัน 40-50 คน ทั้งยังพบอีกว่ามีการกระจายออกไปอีก3 จุดรวมเป็น 4 จุดใหญ่ หลังแรกประมาณ 40 คน ถัดไปอีกประมาณ 100 เมตร พบอีก 57 คนและอีก 2 จุดอยู่อีกหมู่บ้านจำนวน 38 และ 14 ราย รวมแล้วประมาณ 149 ราย จึงได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนท.ตำรวจ จัดหางานตรวจคนเข้าเมืองสาธารณะสุขและพม.เข้าตรวจสอบ
เบื้องต้นจากการตรวจสอบทุกคนมีพาสปอร์ต ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตม.กำลังทำการตรวจสอบว่ามีการเข้ามาตามช่องทางที่ถูกต้องหรือไม่ จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มแรงงานดังกล่าวมีนายหน้าคนไทยจำนวน 2 ราย เป็นผู้นำพาและมีการเข้ามาทางรอยต่อพม่า-ไทยทาง จ.ระนอง โดยนั่งรถบัสจ้างเหมาจำนวน 3 คันมาพักที่กรุงเทพฯ 1 คืนก่อนที่จะเดินทางต่อมาที่นี่ เพื่อมาใช้แรงงานในเขตพื้นที่จ.ขอนแก่น
“อย่างน้อยการพักอาศัยต้องดูเรื่องสุขลักษณะด้วยเพราะการอยู่บ้านพักขนาดเล็กกับจำนวนคนที่อยู่40-50คนคงไม่เป็นไปตามกฎหมาย แต่หากเข้ามาถูกต้องจริงๆ ต้องให้ผู้นำพาหาที่พักใหม่ให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ แต่ถ้ามาโดยไม่ถูกต้องเจ้าหน้าที่คงต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ส่วนการเคลื่อนย้ายแรงงาน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ ตม.แจ้งว่าต้องมีการแจ้งต่อ ตม.ภายใน 24 ชม.ซึ่งทางผู้นำพาก็แย้งว่ายังไม่ครบกำหนด 24 ชม. เพราะเพิ่งถึงพื้นที่เมื่อคืน”
นายอำเภอ กล่าวอีกว่า การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาใช้ เพราะมีบางงานที่คนไทยไม่ทำจึงจำเป็นต้องใช้แรงงานจากเพื่อนบ้าน ซึ่งการนำเข้ามามีช่องทางทางกฎหมายที่เอื้อให้ผู้ประกอบการนำแรงงานเข้ามา ขอให้ทุกอย่างให้ถูกต้อง