ดรามาสนั่น! สาวสอบติดครูอันดับ 1 จู่ๆ รายชื่อหาย ด้าน สพฐ.ตั้งกรรมการสอบฯ ละเอียด

13 ก.ย. 67

 

ดรามาสนั่น! สาวสอบติดครูอันดับ 1 จู่ๆ รายชื่อหาย ด้าน โฆษกศธ. แจง สพฐ.ตั้งกรรมการสอบฯ ภายใน7วัน พร้อมเยียวยาผู้เสียหาย มั่นใจไม่มีเส้นสาย 

วันที่ 13 ก.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “เบญญาภา เย็นอุดม” โพสต์ข้อความระบุว่า “ขอความเป็นธรรม ชื่อฉันหายไปไหน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ความหวังของพ่อแม่หายไปหมดแล้ว” 

“วันที่ 7 ก.ย.เดินทางเป็นร้อยๆ โลจากอยุธยาที่ทำงานอยู่ แบกความหวังจะกลับไปดูแลพ่อแม่ที่บ้านสระแก้ว ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ นอนดึกทุกคืน เพื่ออนาคตของตัวเอง  จนถึงวันประกาศผล น้ำตาแห่งความดีใจ ความภูมิใจ แบกความหวังที่หนัก วิ่งกอดพ่อกับแม่แบบดีใจสุดขีด ฉันสอบติดพนักงานราชการทั่วไปอันดับที่1 เอกวิทยาศาสตร์ สพม.สระแก้ว” 

“ความตั้งใจของฉัน ฉันทำได้ ได้กลับมาดูแลคนแก่ที่บ้าน ลาออกจากที่ทำงาน เก็บของใช้ คืนหอพัก เตรียมตัวกลับบ้าน สัปดาห์นี้แล้วอยู่ดีๆ รายชื่ออันดับ1 ของฉันหายไป เกิดอะไรขึ้น” 

“โทรไปถามทางต้นสังกัดได้รับแค่คำขอโทษ ไม่ได้รับคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น แล้วฉันต้องทำยังไงต่อไป ความรู้สึกของพ่อแม่ฉันใครจะเยียวยา เคว้งไปหมดเลยตอนนี้  เสียใจสุดๆ ขอความเป็นธรรมให้ด้วยค่ะ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว” 

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นมากมาย พร้อมให้กำลังใจผู้โพสต์ และถามหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบชี้แจง 

ด้านนาย สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงกรณีข้อสงสัยเกี่ยวกับการสอบบรรจุพนักงานราชการตำแหน่งครู ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา หรือ​ สพม. จังหวัดสระแก้ว  โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อผู้เข้าสอบรายหนึ่งซึ่งมีรายชื่อลำดับที่ 1 ในการประกาศผลสอบครั้งแรก (9 ก.ย. 67) แต่กลับไม่ปรากฏในรายชื่อในบัญชีเมื่อมีการประกาศผลสอบฉบับใหม่ (12 ก.ย. 67) ทำให้ไม่ได้รับการบรรจุเป็นครูตามลำดับเดิมก่อนหน้านี้ 

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญต่อกรณีนี้เป็นอย่างมาก โดยได้กำชับให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่ปกป้องใคร และยึดหลักความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด พร้อมเน้นย้ำถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง 

ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น เพื่อพิจารณาและตรวจสอบทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดย ศธ. ยืนยันว่าจะทำงานอย่างโปร่งใส หากพบว่ามีการกระทำที่ผิดพลาดหรือมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ศธ. ได้กำชับให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ทำงานอย่างรอบคอบและตรวจสอบทุกขั้นตอนอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้มีการละเลยรายละเอียดใดๆ 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ได้ให้ความสำคัญในการดูแลผู้เสียหาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการเยียวยาและหาทางออกที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างเร่งด่วนที่สุด พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งผู้เสียหาย และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง 

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ขอให้สังคมและสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ และอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่ามีการใช้วิธีแทรกแซงหรือทุจริตใดๆ เกิดขึ้นในการประกาศรายชื่อรอบใหม่ ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับนามสกุลของผู้สอบที่ตรงกับชื่อผู้อำนวยการโรงเรียนในจังหวัด อาจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบครั้งนี้ เนื่องจากเป็นคนละเขตพื้นที่ฯ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งจะดำเนินการอย่างละเอียด โปร่งใส เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นสะท้อนถึงความเป็นธรรม และความชัดเจนในทุกประเด็น 

นายสิริพงศ์​ ยังระบุอีกว่า​ จะไม่เข้าข้างคนผิด หากมีการกระทำที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้นจริง ผู้กระทำความผิดจะต้องได้รับการลงโทษตามนโยบายของกระทรวงที่เน้นความยุติธรรมและโปร่งใส แลเจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบและการแก้ไขปัญหานี้ และจะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีความเชื่อมโยง กับเรื่องของการใช้เส้นสายหรือไม่ นายสิริพงศ์​ กล่าวว่า​ จากข่าวที่ปรากฏพบว่านามสกุลของผู้ที่สอบได้ กับนามสกุลของผอ.โรงเรียนบางโรงเรียน ในทางปฏิบัติไม่มีทางเกี่ยวข้อง ข่าวที่เขาแชร์กันอาจเป็นคนละเขต แต่ในความเป็นจริง ในรอบนี้ไม่ใช่รอบที่โรงเรียนเปิดรับสมัครลูกจ้างโดยตรง เป็นการดำเนินการของเขตพื้นที่การศึกษา ฉะนั้นการที่จะบอกว่านามสกุลของผู้สอบ กับผอ.โรงเรียนดังกล่าวเชื่อมโยง เป็นคนละประเด็น เพราะเป็นการดำเนินการของเขต ไม่ใช่เป็นการดำเนินการของโรงเรียนโดยตรง​  

พร้อมยืนยันว่า จะทราบผลสอบสวนภายใน 7 วัน หลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบ​ และขออย่าเพิ่งตัดสิน​ ขอเวลาในการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรม ถ้าเข้าข่ายการกระทำความผิด ยืนยันว่ากระทรวงศึกษาธิการไม่เอาไว้ ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำความผิด จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และที่สำคัญขออย่าเพิ่งตัดสินใคร หรือเพราะเขาใช้นามสกุลอะไร หรือเพราะเขาเป็นใคร ตรงนั้นไม่ใช่คำตอบ อยากให้ดูความสามารถของเขา พร้อมกล่าวย้ำว่าเราตรงไปตรงมา​ ไม่มีนโยบายว่าต้องช่วยใคร​ นามสกุลอะไร​ หรือต้องเป็นบุคคลไหนฝาก​ คะแนนเป็นวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส