"อนุทิน" แถลงเปิดกองบัญชาการสถานการณ์น้ำท่วม เล็งเสนอ ครม.17 ก. ย. เคาะมาตรการเยียวยา เชื่ออีสานไม่อ่วมเท่าเหนือ
วันนี้ (15ก.ย.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุม กองบัญชาการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ. ช.) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางว่า วันนี้เป็นการเปิดกองบัญชาการฯ ตามอำนาจหน้าที่ของ พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยปี 2550 และแผนเผชิญเหตุอุทกภัย เพราะสถานการณ์ขณะนี้ เป็นสถานการณ์ที่เราประมาทไม่ได้ และพยายามเต็มที่ที่จะประคับประคองสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง ยืนยันว่ารัฐบาล ภายใต้การสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรามีความพร้อมให้ความช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่มีการบูรณาการความช่วยเหลือของทุกกระทรวงหน่วยงาน เข้าไปในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชน มีการจัดตั้งหน่วยงาน ประจำพื้นที่ต่างๆ ให้เกิดความคล่องตัวในการสั่งงานดำเนินการหากมีสถานการณ์ที่เป็นการฉุกเฉิน และจัดตั้งให้ ส่งข้อมูลข่าวสารร่วมกันเพื่อที่จะได้วางแผนและดำเนินการ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร
นายอนุทิน กล่าวว่า เพื่อให้การเตรียมการรับมือและเผชิญเหตุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะดำเนินการเชื่อมโยงวอร์รูม (War Room) ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว. กับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อร่วมคาดการณ์ ประสานการแจ้งเตือนสถานการณ์ให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่และประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่รวดเร็วถูกต้อง ชัดเจน และเป็นเอกภาพ รวมไปถึงการสื่อสารความเสี่ยงเกี่ยวกับข้อมูลสถานการณ์น้ำไปยังพื้นที่เสี่ยงได้ตรงเป้าหมายและทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะลดความสูญเสียและผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ได้มีการเตรียมการ มอบหมายความรับผิดชอบรวมถึงผู้ที่จะต้องช่วยให้การป้องกันทั้งสนทช. และ กรมชลประทาน ส่วนบรรเทาสาธารณภัยคือกระทรวงมหาดไทย จังหวัด ทหาร ตำรวจ ส่วนการเยียวยาพี่น้องประชาชนนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทางกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเร่งจัดทำบัญชีรวบรวมศึกษา ข้อมูลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรายหลังคาเรือนเพื่อให้รัฐบาลจะได้ออกมาตรการเยียวยาให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้การสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนเสนอปลัดกระทรวงมหาดไทยลงนาม คาดว่าวันอังคาร17 ก.ย. นี้จะเสนอครม.พิจารณาให้ความช่วยเหลือได้ทั้งหมดตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนการเยียวยาทางอ้อมเช่นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคการประปาส่วนภูมิภาค ที่เร่งให้คณะกรรมการพิจารณาลดค่าน้ำค่าไฟให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขต โดยเร็วที่สุด คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะทราบรายละเอียด
ด้านกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ได้จัด นวัตกรรมทางเทคโนโลยี เริ่มวางแผนป้องกันแชร์ข้อมูลข่าวสารตลอดจน ผลิตภัณฑ์อาหาร ของยังชีพที่จะสามารถนำส่งให้พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้ ในกรณีที่ติดอยู่ ไม่มีความสะดวกไม่มีน้ำไม่มีไฟจะมีอาหารสำเร็จรูปที่มีคุณค่าทางอาหารครบ ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมเพราะแต่ละจังหวัด มีความพร้อมในการ จะดำเนินการดูแลทั้งที่พักที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคและป้องกันโรคต่างๆแล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนบางจังหวัดที่คลี่คลายลง ก็ต้องเข้าไปฟื้นฟูชะล้าง เคหะสถานบ้านเรือน รัฐบาลจะจัดเจ้าหน้าที่ เครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ เข้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อทำความสะอาดบ้านเรือนคืนสภาพ ให้เข้าสู่ปกติโดยเร็วที่สุด โดยย้ำว่าเครื่องไม้เครื่องมือบุคลากรเครื่องจักรตลอดจนแผนดำเนินการ ถูกจัดตั้งขึ้นมาทุกจังหวัดรับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงขอให้ความมั่นใจว่าพวกเราไม่มีทอดทิ้ง พี่น้องประชาชน และ มีความพร้อมที่จะ เข้าไปให้ความช่วยเหลือเยียวยา
ส่วนสถานการณ์น้ำ จังหวัดหนองคายขณะนี้ นายอนุทินกล่าวว่า หลังจากลงพื้นที่ไปเมื่อวาน มีการเตรียมพร้อมสถานการณ์ ซึ่งทราบว่าเช้านี้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1 เมตร ทางพื้นที่ได้เร่งทำคันดินและพนังกั้นน้ำ เพื่อป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญเอาไว้ ส่วนพื้นที่ริมตลิ่ง ถือเป็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่สามารถปรับตัวได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็เร่ง เกลี่ยทางเพื่อให้น้ำสามารถระบายออกจากพื้นที่ได้สะดวก ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไร ก็คาดว่า สถานการณ์น้ำพื้นที่ในจังหวัดอีสาน จะไม่หนักเท่าพื้นที่ภาคเหนือ แต่จังหวัดหนองคาย นครพนม บึงกาฬ ได้มีการเตรียมพร้อม รับมือสถานการณ์
ส่วนงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย นายอนุทินกล่าวว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ขออนุมัติงบประมาณไปแล้ว 100 ล้านบาท โดยจังหวัดใดก็ตามที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ ประสบภัย มีเงินทดลองเบื้องต้น 20 ล้านบาท แต่ หากไม่เพียงพอผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถขอขยายวงเงินโดยกรมบัญชีกลางจะเร่งดำเนินการให้ในช่วงนี้