กู้ภัยแฉเด็ก 14 แว้นขวางรถ ทำคนไข้ตายปั๊มหัวใจไม่ทัน ส่ง รพ.ช้า 3 นาที โจ๋อ้างท่อดังไม่ได้ยินไซเรน (คลิป)

จากกรณีมีเด็กแว้นซิ่งรถจักรยานยนต์ขวางรถกู้ภัยประจักษ์หนองคาย ขณะไปรับผู้ป่วยอาการหนัก ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ส่งผลให้รถกู้ภัยนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลหนองคายได้ล่าช้า จนทำให้เสียชีวิต เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเด็กแว้นรายนี้อย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด วันที่ 18มี.ค.63 ตำรวจได้ตามตัวเด็กแว้นรายนี้มาได้แล้ว พร้อมทั้งเชิญพ่อแม่มาด้วย พร้อมกับอบรมสั่งสอน ด.ช.วัย 14 ปี  ถึงพฤติการณ์ดังกล่าว ซึ่งระหว่างการพูดคุย ด.ช.วัย 14 ปี มีท่าทางเสียใจ น้ำตาคลออยู่ตลอดเวลา 

ด.ช.วัย 14 ปี บอกว่า ในวันเกิดเหตุ ตนขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อหมูปิ้ง แล้วระหว่างทางกลับบ้านเกิดคึกคะนองอยากลองรถ จึงขี่ด้วยความเร็วไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ยินเสียงรถกู้ภัยเลย พอถึงสามแยกทางเลี่ยงเมืองจึงเลี้ยวขวากลับบ้าน จนได้เห็นข่าวรู้สึกเสียใจ และสำนึกผิด ก่อนจะโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษญาติผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม อยากขอโทษสังคม ยืนยันว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกและจะคอยเตือนสติเพื่อน ๆ ที่คึกคะนองเวลาขี่รถจักรยานยนต์

เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหา ด.ช.วัย 14 ปี รายนี้ ตามมาตรา 43(8) พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ขับรถเร็วไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ขับรถประมาทหวาดเสียวอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินผู้อื่น ไม่มีใบขับขี่อนุญาตขับขี่ ไม่สวมหมวกนิรภัย รถอุปกรณ์ส่วนควบไม่สมบูรณ์ 

ด้าน นายฐิติพงศ์ พันธุ์จำปา กู้ภัยสมาคมหนองคายการกุศล บอกว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 07.00 น. สแตนบายอยู่แถวโรงพยาบาลหนองคาย แล้วได้รับแจ้งจากศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงคำโป้งเป้ง จ.หนองคาย ว่ามีผู้ป่วยติดเตียงหญิงอาการไม่ค่อยดี จึงรีบเดินทางไปหาผู้ป่วยทันที โดยระยะทางห่างจากจุดตนอยู่ประมาณ 10 กม.

ระหว่างทางรถกู้ภัยวิ่งเลนขวาสุด โดยมีการเปิดไซเรนขอทาง แต่มีน้องคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์อยู่เลนซ้าย และแซงรถเก๋งขึ้นมาเลนขวา ก่อนจะขับอยู่ด้านหน้ารถกู้ภัยในท่าทางหมอบ เสมือนไม่ได้ยินเสียงไซเรน ทางกู้ภัยจะขับแซงซ้ายไปก็กลัวว่าน้องจะพุ่งออกมาเลนซ้าย จึงพยายามหาจังหวะชะลอจะแซงซ้ายให้พ้นจากน้อง โดยขับตามหลังน้องอยู่ประมาณ 2 กม. เสียเวลาประมาณ 2-3 นาที

หลังจากที่ตนไปถึงศูนย์ผู้ป่วยติดเตียงคำโป้งเป้ง พบว่าเป็นผู้ป่วยหญิงวัยประมาณ 70 ปี มีอาการหายใจไม่สะดวก ตนไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร จึงรีบปั๊มหัวใจและรีบนำขึ้นรถกู้ภัยไปส่งต่อให้รถกู้ชีพของโรงพยาบาลหนองคาย แต่ภายหลังทราบว่าผู้ป่วยเสียชีวิต