ย้อนบทสัมภาษณ์ บอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป ชีวิตจากยาจก สู่เศรษฐี ในเวลา 4 ปี

9 ต.ค. 67

ย้อนบทสัมภาษณ์ บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล CEO ใหญ่ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เจ้าของบริษัทธุรกิจออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม เคยเผยเส้นทางชีวิตจากยาจกสู่เศรษฐี ในเวลา 4 ปี


เป็นประเด็นดรามาใหญ่สะเทือนวงการธรกิจและบันเทิง สำหรับกรณี บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล CEO ใหญ่ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด 1 ในบริษัทธุรกิจออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ประสบการณ์จริงในการทำธุรกิจออนไลน์ จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ ที่กำลังตกเป็นประเด็นธุรกิจเครือข่ายดังหลอกคนมาเป็นลูกทีม จนบางคนเจ๊งถึงขั้นฆ่าตัวตาย ตามที่สื่อหลายที่ได้นำเสนอข่าวออกไป

อมรินทร์ออนไลน์จะพาทุกคนมาย้อนบทสัมภาษณ์ บอสพอล ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการตี 10 เทปวันที่ 5 กันยายน 2558 ถึงเส้นทางชีวิต จากลูกคนงานก่อสร้าง มาเป็นเศรษฐีใหม่ในระยะเวลาเพียง 4 ปี (ณ ขณะนั้น)

 

ในครั้งนั้น พอล วรัตน์พล เล่าว่าตั้งแต่จำความได้ผมเจอแต่แม่ แม่เล่าให้ฟังว่าพ่อทิ้งไปตั้งแต่ 3 ขวบ ก็รู้ว่าแม่ต้องลำบากในการที่จะทำให้เรามีอะไรกิน บางทีไม่มีแต่แม่ก็ไม่ชอบเป็นหนี้ ก็เอาเท่าที่มีอย่างข้าวผสมน้ำตาลกินกัน ก่อนจะสาธิตกินข้าวกับน้ำตาลด้วยเอาข้าวมาผสมกับน้ำให้เหมือนข้าวต้ม แล้วใส่น้ำตาลลงไปเพื่อให้มีรสชาติ

01
พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

เคยพูดเรื่องความจน จนแม่ร้องไห้
พอล วรัตน์พล เล่าว่าบางทีเราไม่ค่อยได้มีของใหม่ๆ อย่าง หนังสือเรียนก็หนังสือเรียนเก่า เสื้อผ้าเก่า รองเท้าเก่า ไปเห็นเพื่อเขามีเราก็อยากมีเหมือนกัน ก็ไปขอแม่ แต่แม่ก็ไม่ได้บอกจะไม่ให้ แต่ก็ไม่มีให้ เราถามทีไรแม่ก็ตาแดงๆ ก็เลยไม่อยากถามแล้ว เดี๋ยวแม่ร้องไห้ เราเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีด้วยที่เป็นอย่างนั้น แม่ก็บอกว่าถ้าอยากรวยต้องตั้งใจเรียนให้เก่งๆ จบมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน จะได้รวย เราก็พยายามตั้งใจเรียนแต่ผมก็ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น ก็ตั้งใจเรียนเต็มที่แล้วก็เวลาครูมีอะไรที่ต้องไปแข่งไปประกวดแล้วได้เงิน ผมเอาหมดเลย

แรกๆ ก็จะมีให้ร้องเพลงวันแม่วันพ่อ ผมก็ไปประกวด แล้วมันก็เริ่มมีอย่างอื่นที่ได้เงินเหมือนกันแต่มันยากขึ้น อย่างประกวดร้องเพลงไทยเดิม เพลงลูกทุ่ง ให้ไปพูดเป็นพิธีกร อ่านทำนองเสนาะ ทำหมดเลย ได้บ้างไม่ได้บ้างถ้าได้ก็ได้ตังค์

จุดเปลี่ยนชีวิตเพราะคิดฆ่าตัวตาย
ตอนนั้นโตแล้ว ตอนที่เริ่มทำงานแล้วครับ เป็นหนี้ครับ ไม่ถึงแสน แค่อยากมีชีวิตที่มันดีขึ้นครับ ปัญหามันมาพร้อมกันหลายๆ อย่าง แฟนทิ้งด้วย เรากลับมาก็มาคุยกับแม่ เราเครียดด้วยอยู่แล้วก็คุยกับแม่แล้วทะเลาะกับแม่อีก ก็เลยเกิดความรู้สึกว่า ไม่อยู่ซะดีกว่า แล้วก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกหอที่เราเช่าอยู่ ผมก็ตัดสินใจว่าฆ่าตัวตายดีกว่า ก็มองลงไปข้างล่างแล้วตัดสินใจจะกระโดด แต่สุดท้ายก็กลัว ไม่กล้าทำ แล้วก็ลงมาข้างล่าง

พอลงมาผมก็มาคิดจากที่เคยดูในทีวีที่เขาบอกว่า อยากเป็นคนยังไงก็คบคนอย่างนั้น เราก็อยากรวยไม่อยากจนเหมือนที่ผ่านมา อยากรวยก็ต้องคบคนรวย ผมก็ดูทั่วเลยเพื่อนๆผม หรือรุ่นพี่ คนที่อยู่รอบตัว มีใครรวยบ้าง อยากไปคบเขา สรุปก็จนเหมือนกันหมด เลยตัดสินใจไปร้านขายหนังสือไปหาหนังสือที่คนรวยๆ เขาเขียนไว้มาอ่าน ก็ได้คบเขาจริงๆ แต่เขาไม่รู้จักผมหรอกแต่ผมรู้จักเขาก็อย่างเช่น พี่เฉลียว กระทิงแดง ก็รู้จักจากในหนังสือเลย พี่ธนินทร์ เจียรวรานนท์ ก็ศึกษาความรวยเขามาจากตรงนั้น ว่าถ้าอยากรวยก็ต้องทำธุรกิจ เป็นพนักงานประจำเหมือนเดิมไม่รอดแน่

03

พนักงานประจำ รับจ็อบเสิร์ฟเบียร์
ผมเป็นพนักงานประจำมาครั้งแรกตั้งแต่เป็น พนักงานเสิร์ฟเบียร์ครับ แล้วถ้างานประจำจริงๆ ก็ทำฝ่ายการตลาดเป็นธุรการ ผมไปเสิร์ฟเบียร์อยู่หน้าเวิลด์เทรดซึ่งปัจจุบันคือเซ็นทรัลเวิลด์ครับ ค่าเสิร์ฟก็ไม่เท่าไร ประมาณ 200 บาท แต่ได้ทิปเยอะมาก คืนละเป็นพันเลย บางคืนโชคดีหน่อยก็สองพันเลย แต่ต้องเจอคนใจดีแล้วก็เมาด้วย ถ้าไม่เมาก็ไม่ได้ ที่ได้ถ้าไม่สาวก็รุ่นแม่รุ่นพ่อไปเลย แต่มันทำไม่ได้ตลอดครับ มันทำได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แปลกเหมือนกันเงินที่ได้มามันเยอะนะครับ บางทีได้เยอะกว่างานประจำอีก แต่ไม่เหลือเลย เหมือนมันเป็นเงินร้อนหรือไงผมก็ไม่เข้าใจ เหมือนได้มาจากการที่เขาผิดศีลอ่ะครับ แล้วเราก็ไปส่งเสริม แล้วเราก็ไม่เหลือเหมือนกัน

หลังจากนั้นผมก็มาทำงานประจำ ครั้งแรกได้เงินเดือน 6000 บาท ตำแหน่งเท่มากตอนนั้นชื่อ Marketing executives แต่จริงๆ คือเป็นนั่งรับโทรศัพท์ คนโทรเข้ามาก็รับก็คุย เงินเดือน 6 พันไม่พอก็ไปขอพี่เขาทำโอทีเพิ่ม เขาให้เพิ่ม รวมบวกโอทีเพิ่มมาเป็น 10000 บาท ก็ไม่พอ ก็เลยกลับไปเสิร์ฟเบียร์เหมือนเดิม ชีวิตผมก็วนอยู่แค่นี้ ทำงานประจำ ทำโอที เสิร์ฟเบียร์ แล้วก็นอน 2-3 ชั่วโมงแล้วก็ตื่นมาทำงานประจำ ทำโอที เสิร์ฟเบียร์ วนอยู่อย่างนี้ครับ

"เขาบอกว่าขยันเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวยครับ"  ซึ่งกลายมาเป็นวลีดังประจำตัว พอล วรัตน์พล จนถึงทุกวันนี้

จุดเปลี่ยนมาสู่การทำธุรกิจ

จริงๆ ก็มองหาการทำธุรกิจมาตั้งแต่เลย ตั้งแต่อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าอยากรวยอยากสำเร็จในชีวืต ต้องหาธุรกิจทำครับ พฤติกรรมเปลี่ยนเลยนะครับ ปกติเวลากลับจากเสิร์ฟเบียร์ก็น็อกเลย หรือตื่นไปทำงานประจำก็จะอาศัยหลับบนรถเมล์เอา แต่พอตั้งแต่อยากจะมีธุรกิจ ก็ไม่เคยหลับบนรถเมล์อีกเลย นั่งมองซ้ายมองขวาหาดูว่ามันมีอะไรจะทำให้เรารวยไหม

ผมก็มองตลอด ครั้งนึงก็อยากขายบะหมี่ เพราะเห็นหน้าซอยขายดีมาก เงินเต็มถุงเต็มกระป๋องเลย แต่ก็ดูแล้วคงจะยาก เพราะว่ามันลงทุนเยอะ สุดท้ายพอจะลงทุนจริงเราไม่มีตังค์ สรุปก็กลับไปทำงานประจำเหมือนเดิม แล้วค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาจากพนักงานรับโทรศัพท์ ค่อยๆขึ้นมาจนตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะลาออกมาทำธุรกิจเอง ก็เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด

สู่ความรวยในฐานะเศรษฐีหน้าใหม่

ตอนนั้นผมอ่านหนังสือเยอะครับ เราก็รู้สึกว่าถ้าอยากรวยต้องทำธุกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก คือเทรนด์โลกมันไปทางไหนต้องตามนั้น เหมือนไปตามน้ำ อย่าไปพายเรือทวนน้ำ ถ้าแปลภาษาไทยง่ายๆ ก็คือกระแสโลกครับ มันเป้นยังไงเราก็ไปตามมัน ตอนนั้นต้องบอกว่าออนไลน์มันเริ่มมา ซื้อขายผ่านทางออนไลน์เริ่มเข้ามา เราก็เลยเข้าไปศึกษาครับ แรกๆ ผมศึกษาออนไลน์เป็นอะไรที่ไม่ถนัดเลยด้วยประการทั้งปวง ขนาดแค่จะปิดคอม เจ้านายบอกไปปิดคอม ผมเดินไปชักปลั๊กเลย คือคำว่าชัตดาวน์คืออะไรทำไม่เป็น เคยโง่มาถึงขนาดนั้นอ่ะครับ

หลายคนก็งงว่าแล้วมาเข้าใจมาเชี่ยวชาญออนไลน์ได้ยังไง ทุกอย่างมันเรียนรู้ได้จริงๆ ครับ ผมก็ไปเรียนเรื่องออนไลน์ หาหนังสือเรื่องออนไลน์อ่านแล้วก็มาทำ กลับไปเรียนต่อ ก็เลยเริ่มจากการเอาของใกล้ๆ ตัวไปขายก่อน ตอนนั้นมีแฟนแล้ว แฟนที่บ้านเขาทำกระเบื้อง พอลก็เลยเอากระเบื้องที่บ้านแฟนมาขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต เป็นกระเบื้องดินเผาครับ ฝรั่งเขาเรียกว่าเทอราคอตตา เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านเลย คือดินที่ทำประเภทนี้ได้มันจะอยู่ที่ป่าโมก ที่อ่างทอง ก็เลยมีโอกาสไปเอาของที่นั่นมาขาย ขายไปขายมาก็เลยเริ่มต่อยอด ทีนี้ก็เอาทุกโรงเลยไม่ใช่แค่ที่บ้านแฟนแล้ว ตรงไหนดีลได้เราก็ดีล

ยอดขายเยอะครับ เดือนละเป็นล้านแต่ว่าหักลบอะไรแล้ว เหลือเข้ากระเป๋าเราเดือนละ 3-4 แสน ต่อเดือน ก็เลยเริ่มลืมตาอ้าปากได้ ตอนนั้นอายุ 27-28 เองครับ

04

เศรษฐีใหม่ครับ ยาจกเก่า

ตอนนี้ก็ทำธุรกิจออนไลน์อยู่หลายอย่างครับ ธุรกิจความงามด้วย แล้วก็อุตสาหกรรมเกี่ยวกับสุขภาพ wellness industry ขายออนไลน์แล้วมันตรงกับเมกะเทรนด์ของโลกด้วย รักสวยรักงาม คนอยากมีสุขภาพดีเยอะมาก

จริงๆ ต้องบอกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คนก็ไม่ได้รักสวยรักงามเท่าทุกวันนี้ครับ แต่ก็การันตีได้เลยว่าอีก 10 ปี ข้างหน้า คนจะรักสวยรักงามยิ่งกว่าวันนี้อีก เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ มันก็เปลี่ยนจากคนจนๆ กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จจริงในชีวิตแบบผมได้ครับ


เปิดสอนฟรี เป็นวิทยาทาน
ใช่ครับ ก็สอนเรื่องออนไลน์ ว่าจริงๆ ทุกคนเล่นเฟซบุ๊ก ไลน์อยู่แล้ว อาจจะเล่นอินสตาแกรมอยู่แล้ว แต่เล่นแล้วไม่ได้ตังค์ ก็เอาสิ่งที่เขาเล่นอยู่แล้วนี่แหละ แต่ทำยังไงให้เขาเล่นแล้วรวย ก็พยายามจะถ่ายทอดเรื่องตรงนี้ให้ครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย

ก่อนพิธีกรจะถามว่า ถ้าเปิดสอนแล้วเขามารวยแข่งกับเราจะทำยังไง ซึ่งพอล วรัตน์พลตอบสั้นๆ ว่า "จริงๆ ถ้าคนไทยรวยเยอะๆ เป็นเรื่องที่ดีครับ" และได้รับเสียงปรบมือจากกลุ่มแฟนคลับที่มาร่วมให้กำลังใจในรายการ

02

ที่มา : รายการตีสิบเดย์ (AT TEN DAY) 5 กันยายน 2558 

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม