เมียตำรวจ เล่านาที“เมียบิ๊กตำรวจ” บุกห้อง ยืนยันไม่ได้แบล็กเมลใคร

25 ต.ค. 67

เมียตำรวจ เล่านาที “เมียบิ๊กตำรวจ” บุกห้อง ยืนยันไม่ได้แบล็กเมลใคร แค่ต้องการเงินสด 6 แสน ทอง 120 บาท ของตัวเองคืน

วันนี้ (25 ต.ค.) จากกรณีเมียตำรวจ แจ้งความร้องทุกข์ ถูกภรรยาบิ๊กตำรวจลักทรัพย์ค่าสินสอด วันนี้เธอได้เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ของสามีตัวเองและคู่กรณีว่า เป็นเรื่องจริงทุกอย่าง ยืนยันว่ามีคลิปจริง แต่ไม่สามารถเปิดคลิปได้ เพราะถ้าเปิดคลิปคู่กรณีจะฟ้องเธออย่างแน่นอน

โดยความสัมพันธ์ของสามีเธอและภรรยาบิ๊กตำรวจนั้น  เธอมีความระแคะระคายมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากแอบดูแชตการสนทนาระหว่างทั้ง 2 คน จนนำไปสู่การติดตั้งกล้องแอบถ่ายไว้

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ทั้งคู่ได้นัดเจอกันที่บ้านย่านคลอง 7 และมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน และจากนั้นวันที่ 6 มิถุนายน คู่กรณีได้ขอมาเจอกับเธออีกครั้ง โดยอ้างว่าจะเอาของที่คอนโด แต่เมื่อถามไปอีกครั้งก็ยอมรับว่าอยากจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ แต่สามีไม่เล่นด้วย แต่คู่กรณีไม่ยอมจบ และโทรมาหาสามีเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งเธอเป็นคนรับสาย จึงได้มีการเคลียร์กันเรื่องความสัมพันธ์ ซึ่งคู่กรณีปฎิเสธว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กันอย่างว่า ซึ่งสาเหตุที่เธอยังอนุญาตให้สามีติดต่อกับคู่กรณีอยู่นั้น เพราะเห็นใจ และเห็นว่าช่วงนั้นสามีของคู่กรณีกำลังมีปัญหาอยู่

1729857451275

ส่วนในฝั่งของสามีคู่กรณี ส่วนตัวได้พยายามติดต่อไปทั้งทางจดหมายที่ส่งไปที่หน้าหมู่บ้านและทาง sms โดยเนื้อหาที่ส่งไปเป็นการเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกับทวงทรัพย์และทองคำคืน

สำหรับคลิปความสัมพันธ์ตัวเองเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ได้มีการส่งให้ใคร รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และเธอยังไม่ได้มีการฟ้องชู้ ซึ่งในคลิปดังกล่าวยังมีปรากฏในช่วงที่คู่กรณีขโมยคีย์การ์ดออกไปจากตู้โชว์ที่อยู่มีห้องนั่งเล่น ซึ่งส่วนนี้จะนำไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำหรับความสัมพันธ์ของเธอและคู่กรณี ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพิ่งมารู้จักก็ตอนที่เริ่มระแคะระคายในเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีของเธอ

ส่วนประเด็นทองคำ 120 บาท และเงินสด ที่หายไปนั้น ยืนยันว่ามีจริง และเธอได้เก็บรวมกันไว้ในกระเป๋าสีดำ ซึ่งอยู่ในลิ้นชักภายในห้องนอน พร้อมกับปืนอีก 3 กระบอก ซึ่งปืนไม่หาย แต่ทรัพย์สินดังกล่าวหายไป แต่กลับมีกระเป๋าของคู่กรณีที่ภายในมีกระดาษขายทอง กรมธรรม์ ที่ปรากฎชื่อของคู่กรณีอยู่ภายในกระเป๋าซึ่งวางอยู่ด้านในห้อง ซึ่งเรื่องที่คู่กรณีขโมยสินสอดเธอไปนั้น ส่วนตัวไม่ได้มองว่าคู่กรณีไม่มีเงิน แต่มองว่าเป็นการล้มงานแต่ง

ในส่วนของการเช่าคอนโดที่คู่กรณีอ้างว่า สามีของเธอได้มีการขอความช่วยเหลือให้คู่กรณีเช่าคอนโดเดือนละ 10,000 บาท ส่วนตัวเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และหากเป็นความจริงอยากให้คู่กรณีเปิดเผยสัญญาการเช่าห้อง หลักฐานการโอนเงิน หรือหากจ่ายเป็นเงินสดก็ต้องมีหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้มีความเดือดร้อนจนถึงขั้นที่ต้องไปยืมเงินคู่กรณี เพราะตัวเองก็มีทรัพย์สินมากพอ

ส่วนกระเป๋าสีรุ้งที่คู่กรณีอ้างว่ามีกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่นั้น ยืนยันว่าเจอภายในห้องดังกล่าวจริง แต่ในตอนแรกไม่ได้เปิดดู แต่เมื่อทราบถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้วจึงตัดสินใจเปิดดูและเห็นว่าเป็นของอย่างอื่นตามที่ได้เป็นข่าวไปแล้ว และไม่เจอกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งส่วนนี้ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว

ส่วนประเด็นที่อาจจะมีการสอบความประพฤติที่ไม่เหมาะสมกับสามีนั้น ส่วนตัวได้มีการคุยกับสามีแล้ว ซึ่งสามียอมรับเพราะเรื่องดำเนินการมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยอมรับกับที่กำลังเกิดขึ้น แต่เธอออกมาเปิดหน้าขนาดนี้แล้วก็ได้รับผลกระทบมากเหมือนกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการฟ้องชู้ กลัวหรือไม่ว่าสามีของคู่กรณีจะฟ้องชู้กลับ เธอเผยว่า เรื่องดังกล่าวขอไปปรึกษาสามีก่อน

ส่วนเรื่องคดีการฉ้อโกง ตอนนี้ศาลยกฟ้องไปแล้ว 2 คดี ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา 2 คดี และไกล่เกลี่ยไปแล้ว 1 คดี ซึ่งรวมทั้งหมด 5 คดี 

สำหรับภาพการสวมชุดข้าราชการตำรวจนั้น เธอ ชี้แจงว่า เป็นงานเลี้ยงของมหาวิทยาลัย ให้แต่งกายอาชีพในฝัน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ถ้าไม่ได้อยากเป็นตำรวจ ทำไมถึงเลือกที่จะสวมชุดตำรวจไปงานเลี้ยงพร้อมเครื่องแบบเต็มยศ

เธอ ระบุว่า ไม่เคยฝันอยากเป็นตำรวจเลย เพราะมีสามีเป็นตำรวจอยู่แล้ว จะอยากเป็นตำรวจอีกทำไม แต่ตอนนั้นตนเองไม่ได้เตรียมชุดอะไร และตอนนั้นก็มีน้องที่เป็นตำรวจจริงอีกคน ให้หยิบยืมชุดใส่ ซึ่งในภาพจะเห็นป้ายชื่อปักที่หน้าอก เป็นชื่อจริงนามสกุลจริง ของตนเอง เพราะข้างมหาวิทยาลัยมีร้านทำป้ายชื่อ เลยทำให้สมจริง

ส่วนประเด็นเรื่องการฟ้องร้อง หลังจากนึ้ก็จะมีการปรึกษากับทางสามีอีกครั้งว่าจะมีการฟ้องร้องในประเด็นไหนเพิ่มเติม ซึ่งแม้ว่าจะมีกระแสข่าวว่า ในส่วนของภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ น่าจะมีการฟ้องร้องกับเธอนั้น ส่วนตัวไม่สนใจ และพร้อมที่จะเปิดหน้าสู้ ส่วนความผิดพลาดของสามี พร้อมที่จะให้อภัยให้สามี ซึ่งคาดว่าน่าจะยังคงมีการแต่งงานต่อไป สุดท้ายอยากจะฝากไปถึงคู่กรณีว่าให้เอาของมาคืน การที่เป็นชู้ กับสามีคนอื่น ก็ควรที่จะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ควรมีศีลธรรมมากกว่า เพราะการกระทำของตัวเองจะทำให้ตัวเขาชีวิตตกต่ำ.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส