จากกรณีเมื่อวันที่ 19 มี.ค.63 ร.ต.อ.อนันต์ พานิชกุล รองสว.สอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งมีเหตุเด็กถูกรถกระบะเหยียบเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พบว่าญาติ ๆ ได้นำตัว ด.ช.น็อต (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ ผู้เสียชีวิตถูกนำส่งที่ รพ.ทุ่งใหญ่ ในสภาพร่างกายเขียวช้ำ
ล่าสุดวันนี้ 20 มี.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่ ไปยังงานศพของด.ช.น็อต ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
น.ส.รุ่งนภา แดงบรรจง แม่ของน้องน็อต ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า วันเกิดเหตุ 19 มี.ค.63 เวลาประมาณ 21.00 น. ลูกชายของตนได้ออกไปเล่นซ่อนแอบกับพี่สาว และเพื่อนอีกหนึ่งคน ที่บริเวณถนนหน้าบ้านเช่า ภายในหมู่บ้าน หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ขณะที่ตนนอนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน กลับได้ยินเสียงดังคล้ายรถชนวัตถุบางอย่าง และมีเสียงคล้ายเด็กร้องหนึ่งครั้ง ตนจึงรีบออกมาดูเหตุการณ์ เห็นญาติของตนกำลังอุ้มลูกชายออกมาจากที่เกิดเหตุในสภาพที่นอนแน่นิ่ง หมดสติ มีรอยช้ำเขียวตามริมฝีปาก ลำคอ และตามลำตัว เมื่อตนเห็นสภาพลูกชายที่นอนแน่นิ่ง ถึงกับเป็นลมหมดสติ ทำใจไม่ได้
โดยก่อนเกิดเหตุนั้น นายคำรณ ชัยศรี ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นพี่เขยของน.ส.รุ่งนภา ได้สตาร์ตรถยนต์ของสามีน.ส.รุ่งนภา เพื่อทดลองเสียงของท่อไอเสีย เพราะชอบรถคันนี้มาก เนื่องจากเสียงท่อไพเราะ แต่เกียร์รถข้างอยู่เกียร์ 1 ทำให้รถยนต์คันดังกล่าวพุ่งออกไปข้างหน้าระยะ 5 เมตร ไปชนกับท้ายรถกระบะอีกคัน ที่จอดบรรทุกปลาอยู่เต็มคัน
น.ส.รุ่งนภา กล่าวต่อว่า ก่อนที่พี่เขยจะสตาร์ตเครื่องยนต์ เขาก็ไม่เห็นลูกชายของตนที่นอนแอบอยู่ที่ด้านหน้าของรถยนต์คันก่อเหตุ จึงทำให้รถยนต์พุ่งไปชนลูกชายของตนเสียชีวิต และหลังจากเกิดเหตุนายคำรณ ก็ได้เข้ามาขอโทษตนเอง บอกว่าตอนสตาร์ตรถยนต์นั้นเขาไม่เห็นลูกชาย และไม่ได้ตั้งใจ และเขาก็ขอกราบขอโทษตนเและสามี แต่ตนก็บอกกับนายคำรณว่าไม่เป็นอะไร เป็นเวรกรรมของลูกชายของตนที่มีชีวิตเพียงเท่านี้
และนายคำรณยังบอกกับตนอีกว่า เขาจะบวชหน้าไฟให้กับลูกชายของตน แต่ตั้งแต่เกิดเหตุนายคำรณก็ยังไม่กล้ามางานศพของน้องน็อตลูกชายของตน เนื่องจากกลัวว่าสามีของตนจะทำร้าย
นอกจากนี้น.ส.รุ่งนภา ยังบอกอีกว่า วันที่ 12 เม.ย.ที่จะถึงนี้ จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของน้องน็อต ตนตั้งใจว่าจะเก็บเงินและพาลูกชายไปเที่ยวทะเลที่จ.ภูเก็ต แต่ตนก็ไม่สามารถพาลูกชายไปเที่ยวได้แล้ว เงินที่เก็บไว้เที่ยวงานวันเกิดลูกชาย ก็ได้เอามาจัดงานศพให้ลูกชายแทน ทั้งนี้เวลาตนไม่สบายลูกชายก็จะหาวิ่งซื้อยาซื้อน้ำมาให้ตน และตนกับลูกชายก็นอนกอดกันทุกคืน แต่หลังจากคืนนี้ไปตนก็ไม่ได้นอนกอดลูกชายอีกต่อไปแล้ว ตนเสียใจถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายตามลูกชาย เพราะกลัวลูกชายตายไปจะไม่มีใครเลี้ยงดู
นายธีระศีกดิ์ ชูจันทร์ อายุ 36 ปี พ่อของน้องน็อต ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า วันเกิดเหตุ 19 มี.ค.63 เวลาประมาณ 21.00 น. ตนได้นั่งเล่นอยู่ที่ด้านหลังรถกระบะคันเกิดเหตุ และได้เสียบกุญแจคาทิ้งไว้ในรถ จากนั้นนายคำรณ ผู้ก่อเหตุ ก็ได้ไปสตาร์ตรถของตน โดยไม่ได้บอกกล่าวตนแม้แต่คำเดียว เพราะปกติตนก็ไม่ได้หวงรถอยู่แล้ว
ก่อนเกิดเหตุน้องน็อต ได้เล่นซ่อนแอบกับพี่สาว และเพื่อนผู้ชายอีก 1 คน ซึ่งน้องน็อตได้บอกกับตนเองว่า “พ่อหาที่ซ่อนแอบให้ผมหน่อย เอาที่พี่สาวหาผมไม่เจอ” จากนั้นลูกชายของตนเองก็หายตัวไป กระทั่งมาถูกรถพุ่งชนจนเสียชีวิต
นอกจากนี้นายธีรศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่ติดใจเอาเรื่องกับนายคำรณ เพราะที่ผ่านมานายคำรณ ก็ช่วยเลี้ยงดูลูกชายของตนมาเป็นอย่างดี เพราะน้องน็อตเข้าได้กับทุกคน ชอบฟังเพลง และชอบเต้นให้ตนดู และตนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างที่ตนทำก็เพื่อลูก หลังจากนี้ตนก็ต้องทำใจ และดูแลลูกสาวของตนที่เหลือต่อไป
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พบกับนายคำรณ ชัยศรี ผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในสภาพที่โศกเศร้าเสียใจ โดยนายคำรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี สั้น ๆ ว่า ตนอยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้ตั้งใจที่จะขับรถชนหลานชายจนเสียชีวิต ยืนยันว่าแค่อยากจะลองสตาร์ตรถ เพื่อฟังเสียงท่อไอเสียรถยนต์เท่านั้น และน้องน็อตหลานชายตน ก็เป็นเด็กที่ตนเองรักและเอ็นดูมาก
ทีมข่าวถามนายคำรณต่อว่า ได้ไปงานศพของน้องน็อตบ้างหรือไม่ นายคำรณ ตอบว่า ตอนนี้สภาพจิตใจตนยังไม่พร้อม ซึ่งถ้าหากสภาพจิตใจตนพร้อมเมื่อไหร่ ตนจะไปร่วมงานศพของหลานชายแน่นอน
