ทนาย เผย “เจ้อ้อย” เข้าพบตำรวจวันที่ 4 ให้ปากคำคดีเหลืออีก 20% รู้เรื่องเงิน 71 ล้านบาท ให้โดยเสน่หาหรือไม่
วันนี้ (5 พฤศจิกายน) เป็นวันที่ 4 ที่นางจตุพร อุบลเลิศ หรือมาดามอ้อย หรือเจ๊อ้อย เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ในคดีพิพาทเรื่องเงิน 71 ล้านบาทที่เธอแจ้งความเอาผิดกับทนายความชื่อดัง หลังจากก่อนหน้านี้เธอได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามแล้วจำนวน 3 ครั้ง คือ วันที่ 31 ตุลาคม ประมาณ 12 ชั่วโมง วันที่ 1 พฤศจิกายน ประมาณ 11 ชั่วโมง และวันที่ 3 พฤศจิกายน ประมาณ 12 ชั่วโมง รวมสอบปากคำไปแล้วไม่ต่ำกว่า 35 ชั่วโมง
โดยเวลาประมาณ 09:15 น. นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความประจำตัวมาดามอ้อย ได้เดินทางมาถึงยังกองบังคับการปราบปรามก่อนและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งทนายสมชาติกล่าวว่า วันนี้เป็นการสอบปากคำวันที่ 4 ในหลายๆ ประเด็นที่ทางตำรวจยังคงต้องการ โดยเน้นประเด็นเรื่องของเงินที่ 71 ล้านบาทเป็นหลัก แล้วก็ประเด็นคือเรื่องอื่น ๆ เช่น เรื่องของเงินที่จ่ายชดเชยให้คู่สามีภรรยาที่อ้างว่าถูกหลอกจากการว่าจ้างนักแสดงชาวจีน 39 ล้านบาท เงินค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท เงินเข้า-ออกแบบบ้านสามีมาดามอ้อย 3 ล้านบาท และเรื่องรถเบนซ์ 13 ล้านบาท ที่สอบปากคำประกอบในสำนวนเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ตนก็ไม่ทราบว่าทางตำรวจยังคงตกค้างหรือสงสัยในประเด็นอื่นใดบ้าง เนื่องจากมาดามอ้อยได้ให้รายละเอียดในทุกประเด็นแล้ว ที่ผ่านมา มาดามอ้อย ก็ให้ปากคำไปแล้วกว่า 80% วันนี้จึงเชื่อว่าเหลืออีกประมาณ 20% สุดท้ายและน่าจะสอบปากคำจบภายในวันนี้ แต่จะใช้เวลาการสอบปากคำนานเท่าไหร่นั้นตนไม่ทราบ เชื่อว่าน่าใช้เวลาทั้งวันเหมือนที่ผ่านมา มองว่าที่สอบปากคำหลายวันนั้น เป็นเพราะทางตำรวจต้องการจะเก็บรายละเอียดให้ครบถ้วนที่สุดและเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางคดี
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า จะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้จำนวน 5 ราย รวมทนายความชื่อดังด้วยนั้น
ทนายสมชาติ กล่าวว่าตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว เพราะต้องขึ้นกับดุลยพินิจของทางพนักงานสอบสวนว่า จะแจ้งข้อหาใครบ้างและโดนคดีเรื่องอะไร แต่ยอมรับว่าในการให้ปากคำ ได้ให้การเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนอกจากทนายดังด้วย เช่น ในเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ที่ให้การเชื่อมโยงกับ ส.เสือ ส่วน ส.เสือ จะเชื่อมโยงกับใครอีกบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและเส้นทางการเงิน โดยในประเด็นเงิน 39 ล้านบาทนั้น บุคคลที่รับเงินได้เดินทางไปกับทนายคนดังกล่าวด้วย แต่ตนไม่ทราบว่า ทนายคนดังกล่าวกับ 2 คนที่รับเงินมีความสัมพันธ์กันแบบใด โดยเน้นย้ำว่า เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ฝั่งคนที่รับเงินอ้างว่าถูกหลอก ซึ่งพวกเขาไม่ได้ถูกหลอกจริงๆ
สำหรับข้อหาดำเนินคดีนั้น เบื้องต้นตอนนี้เป็นการแจ้งความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ แต่จะมีกี่ข้อหาและเรื่องอะไรบ้าง ขอให้เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงประเด็นที่มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง กล่าวอ้างว่า หากฝั่งทนายชื่อดังเปิดพยานหลักฐานเด็ด ซึ่งเป็นข้อความแชตที่อ้างว่า มาดามอ้อยให้ทนายคนดังกล่าว โดยจะทำให้คดีดังกล่าวพลิกและฝั่งมาดามอ้อยจะจอดหมด ทนายสมชาติ เผยว่า การจะเปิดพยานหลักฐานอะไรออกมา ไม่ใช่แค่จะดูข้อความอย่างเดียว จะต้องดูการพูดคุยก่อนหน้าและหลังจากนั้นด้วย พร้อมยืนยันว่า มาดามอ้อยไม่เคยให้โดยเสน่หากับทนายคนดังกล่าวแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นท่าทีของทนายคนดังกล่าวที่หายเงียบไปหลายวันนั้น มองว่ายังอยู่ในประเทศหรือไม่ ทนายสมชาติเชื่อว่า ทนายคู่กรณียังคงอยู่ในประเทศ แต่สาเหตุที่หายไปนั้นอาจจะเป็นการไปเตรียมตัว ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจ จะเป็นการเตรียมตัวเพื่อต่อสู้คดีหรือเตรียมตัวในเรื่องอื่น ๆ