“ทนายเดชา” โต้กลับ “สนธิ ” ยันไม่ได้ฟอกขาวช่วยเหลือทนายตั้ม ยอมรับเป็นสายเมา แต่ไม่ใช่สายโกง ไม่เคยโกงใคร แฉได้เลย
วันที่ 5 พ.ย.67 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ออกมาโต้หลังจากที่ถูก นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พาดพิงถึง ว่าเป็นคนที่สนิทสนมกับทนายตั้มและให้ความเห็นเชิงกฎหมายฟอกขาวช่วยเหลือทนายตั้ม กรณีที่ออกมาระบุว่าทนายตั้มอาจจะไม่โดนดำเนินคดี เนื่องจากคดีอาจขาดอายุความหรือไม่
ซึ่งทางด้านทนายเดชา ก็ได้ขอบคุณนายสนธิและนายปานเทพ ที่ได้มีการเอ่ยชื่อของตนเองขึ้นมา แต่ละคนก็มีความเห็นที่ออกมาแตกต่างกันได้ และเชื่อว่าทั้งสองท่านอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีความจำเป็นที่ตนต้องเห็นด้วยกับทั้งสองท่าน ซึ่งตนจะมีความคิดเห็นอย่างไรตนก็ต้องรับผิดชอบเอง
ส่วนกรณีที่มีคนไปบอกว่า ตนไปบอกว่าคดีของทนายตั้มขาดอายุความนั้นก็ไม่เป็นความจริง แต่มีการตัดคลิปบางส่วนที่พูด แล้วมีทนายอีกคนเอาไปไลฟ์สดทางโซเชียล ซึ่งเบื้องต้นหลังจากนี้ ตนก็เตรียมจะให้ลูกน้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมที่จะดำเนินคดีแล้ว
ตนยืนยันว่าจากคำพูดของตนบอกอย่างชัดเจนว่าการนับอายุความ ไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 ซึ่งเป็นการนับอายุความนับแต่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดชัดเจน ไม่ใช่นับจากวันที่เอาเงินไป ซึ่งตนก็ได้ตั้งคำถามว่าคดีนี้ทนายตั้มได้รับเงินจากเจ๊อ้อยตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2566 ใช่หรือไม่ และรู้เมื่อไหร่ว่าเขาโกง ถ้าเพิ่งรู้ก็ไม่ขาดอายุความ และตนเชื่อว่าตำรวจสอบสวนกลางเก่งและจะสามารถปิดจุดที่ทนายตั้มจะสู้ได้ ตนไม่ได้บอกว่าทนายตั้มจะหลุดคดี แต่มันเป็นข้อต่อสู้ของเขา
ส่วนกรณีความสนิทสนมกับทนายตั้มนั้น ตนมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกับทนายตั้มเหมือนเดิมไม่ได้เกลียดกัน และตนไม่ได้มีหน้าที่ไปจับกุมดำเนินคดี เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจ และตนก็ไม่จำเป็นต้องไปหักหลัง หรือไปซ้ำเติมเพื่อน นิสัยตนเป็นพวกเอาพวกเอาพ้องอยู่แล้วตั้งแต่ไหนแต่ไร
ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าตนไปเข้าข้างไปช่วยฟอกขาวช่วยเหลือทนายตั้มนั้น ก็แล้วแต่คุณสนธิและคุณปานเทพเลยว่าจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรตนก็ได้ เพราะตนเป็นบุคคลสาธารณะ ตนจะไม่แฉอะไรและตนก็จะไม่ฟ้องร้อง วิพากษ์วิจารณ์ได้เลยเต็มที่ แต่ยืนยันได้เลยว่าตนไม่ได้ฟอกขาวให้ทนายตั้ม และทนายตั้มจะหลุดคดีก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานตำรวจไปไม่รอด
ขณะเดียวกันตนได้คุยกับทนายตั้มครั้งล่าสุดที่ประเทศจีน ซึ่งเขาตั้งทีมทนาย ทำคำให้การเสร็จหมดแล้วและเตรียมพยานหลักฐานครบแล้ววางแผนสู้คดีเต็มที่ เพราะเขาไม่คืนเงินแน่นอน ไม่เจรจาอะไรทั้งสิ้น
ส่วนที่มีการไปปล่อยข่าวว่าติดต่ออะไรเขาไม่ได้ ตนยืนยันว่าหลังจากนี้ทนายตั้มจะมอบตัวแล้วจะสู้คดีอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ตนก็เคยถามว่าทำไมถึงยังเงียบ แต่ทางทนายตั้มบอกว่าถึงพูดไปตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ
เมื่อสอบถามว่าทางทนายเดชาเองสามารถติดต่อกับทางทนายตั้มได้หรือไม่ ทนายเดชาก็บอกว่าติดต่อไม่ได้ คาดว่าน่าจะรอหมายจับออกมา ซึ่งน่าจะออกภายในอาทิตย์นี้ ซึ่งเท่าที่ทราบเป็นข้อหา ‘ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ’ และ ‘ฟอกเงิน’ ซึ่งนอกจากทนายตั้มเอง ก็จะมีผู้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงอีก 4-5 คนทั้งภรรยา , พี่ภรรยา และคนใกล้ตัวที่เส้นทางการเงินไปถึง
สำหรับคดีนี้นอกจากพวกนิติกรรมสัญญาที่ต้องนำไปสู้กันแล้ว ยังมีเรื่องของการวางรูปคดีของทางทนายผู้เสียหาย ซึ่งตนอยากให้ไปดูตั้งแต่ตอนต้นว่าทางทนายความเจ๊อ้อยได้วางรูปคดีในตอนแรกเป็นเรื่องของการผิดสัญญาหรือยักยอกหรือฉ้อโกง
ตนเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่เท่าที่ได้ไปสอบถามกับผู้ที่เกี่ยวข้องก็ทราบมาว่า ในตอนเริ่มต้นที่เจ๊อ้อยรู้ว่าโดนโกง ก็มีการไปทวงเงินคืน และให้ทนายความไปยื่นโนติส แต่ไปทวงในฐานะอะไร ให้ยืมเงินลงทุนทำธุรกิจหวยออนไลน์หรือไม่ หรือผิดสัญญา หรือยักยอก หรือฉ้อโกง
ซึ่งจุดเริ่มต้นนี้สำคัญ คุณบอกว่าเขาฉ้อโกง และเวลาคุณทวง ไปทวงแบบ “คุณยืมเงินพี่ไปเมื่อไหร่คืน” แบบนี้เป็นเรื่องอะไร “เงินที่ยืมพี่ไปลงทุนหวยออนไลน์แบบนี้จะคืนพี่เมื่อไหร่” ส่วนที่ทำไมหวยออนไลน์ไม่คืบหน้า เพราะคนคนนั้นกำลังโดนจับใช่หรือเปล่า ทั้งหมดนี้ ตนแค่ยกตัวอย่างและไม่อยากจะพูดเยอะ
แล้วพอหลังจากนั้นคุณไปยื่นโนติสว่าอย่างไร ลองไปถามดู ได้ไปยื่นเรื่องการฉ้อโกงหรือไม่
แล้วพอหลังจากที่คุณยื่นโนติสเสร็จ เวลาคุณไปแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง ทำไมคุณไปแจ้งว่าฉ้อโกง แล้วทำไมกองปราบถึงใช้เวลานานเพราะอะไร ก็เป็นเพราะว่าเขาทำงานตามพยานหลักฐานไม่ใช่ทำงานตามกระแส ถ้าพยานหลักฐานไปถึงก็ต้องมีการออกหมายเรียกและหมายจับแล้ว แต่ทุกวันนี้ที่ยังออกไม่ได้อาจเป็นเพราะว่ามันยังไม่เพียงพอ ซึ่งทั้งนี้ตนก็ไม่ได้บอกว่าทนายตั้มถูกหรือผิด แต่ก็ต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน
ในส่วนของทนายตั้มก็เป็นทนายความคนหนึ่ง แล้วสมมุติว่าหากเขาเป็นคนสีเทาจริงๆ ก็ต้องมีการวางแผนเป็นขั้นตอนมาแล้ว ทั้งแชทต่างๆ ก็ต้องมีเป็นหลักฐาน ดังนั้นการที่จะเอาเขาเข้าคุกได้ก็ต้องมีพยานหลักฐานที่แน่นหนาและปิดทุกจุด
ส่วนที่ตนยกตัวอย่างมานี้ก็เพื่อให้ตำรวจปิดช่องว่าง อย่างที่คุณสนธิได้บอกไว้ว่าให้ช่วยกันปิดช่องว่าง ตนก็ช่วยปิดแล้ว
ทนายเดชายังบอกอีกว่า “ตนก็ต้องรู้ข้อมูลบ้างพอสมควร ไม่ใช่เมาไวน์แล้วก็มาไลฟ์สดแบบที่คุณสนธิว่า ส่วนเรื่องเมาก็เมาจริง เพราะเราเป็นคนสายเมา แต่ไม่ใช่คนสายโกง ไม่เคยโกงใคร แฉได้เลย ตรวจได้หมดทุกอย่าง ยกเว้นตรวจแอลกอฮอล์ เพราะตนไม่มีการกระทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และไม่จำเป็นต้องไปอยู่เบื้องหลังทนายตั้ม เขามีทีมอยู่แล้ว ถามว่าสนิทก็สนิท”