“แซน วิศาพัช” ฝากถึง “ทนายตั้ม” ก่อนช่วยปชช. ไม่ประพฤติผิดศีลธรรมให้ได้ก่อน ชี้กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ นำกำลังจับกุม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในคดีหลอกลวงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือมาดามอ้อย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน รวมถึงจับกุม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว
โดยเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน หลังจากวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน สืบพยานฝ่ายจำเลยคดีแตงโมพลัดตกเรือเสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยา อ.เมืองนนทบุรี ที่ศาลจังหวัดนนทบุรีเสร็จสิ้น ได้ลงมาให้สัมภาษณ์ กรณีที่ ทนายตั้ม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมภรรยา ขณะขับรถมุ่งหน้าไปจังหวัดสระแก้ว
แซน วิศาพัชกล่าวว่า รู้สึกปลื้มปีติค่ะ รู้สึกมีกำลังใจเรื่องสืบพยานของตัวเองมากขึ้น รู้สึกว่าในที่สุดแล้วความยุติธรรมก็มีอยู่จริง กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอเหมือนกับลูกความคนดังของเขาได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้พบว่าถูกรวบระหว่างทางไปสระแก้ว ทางที่จะไปกัมพูชา เขาอาจจะอยากไปเล่นเสี่ยงโชคเสี่ยงดวง เขาลอกข้อสอบเพื่อนหรือเปล่า ที่เขาบอกว่าเขาจบ เขาเรียนจบเนอะ ไรสักอย่าง วันนี้รู้แล้ว ‘เน’ ไหนที่เรียนจบ อยากจะฝากอะไรดี ฝากเพิ่มไปอีก 2 คู่แล้วกันแค่นี้ที่ฝาก
เขาไม่ใช่ทนายประพฤติตัวเยี่ยงนั้น เอาอะไรมาทนายก่อน เป็นทนายช่วยเหลือประชาชนใช่ไหม บางทีบางคนตนไม่ได้พูดถึงใคร เป็นคนดีให้ได้ก่อน ไม่ต้องดีหรอก เป็นคนให้ได้ก่อน ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม ช่วยเหลือตัวเองให้ประพฤติดีให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปเป็นทนายช่วยเหลือประชาชน
นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัวของแซน กล่าวว่า ทราบระหว่างการพิจารณาคดี และรับทราบข่าวว่าเขาถูกจับ ถ้าเขารู้ว่าเขาจะลำบากเขาไม่น่าพูดท้าทายอะไร แล้วค่อยๆ แก้ปัญหาไปน่าจะดีกว่า เพราะว่าตนเป็นนักกฎหมาย เขาก็เป็นนักกฎหมาย เห็นบอกว่าจบเนติบัณฑิตด้วย น่าจะมีสมาธิที่ดี ในฐานะอาชีพเดียวกันตนก็ขอให้เขามีสติ มีสมาธิและต่อสู้ไปในแนวทาง
นายพรศักดิ์ กล่าวว่า สภาทนายความต้องทำหน้าที่ ออกมาควบคุมการทำงานของทนายความ ส่วนตัวตนมองว่าไม่ต้องรอผลคดี พฤติกรรมที่เกิดขึ้นมันเดือดร้อนแล้ว ถ้าไปรอผลคดีว่าคดีหลักที่เขาโดนดำเนินคดีแล้วต้องรอตัดสินก่อน สภาทนายความถึงจะออกมาลงโทษ ตนไม่เห็นด้วย ลงโทษไปก่อนได้ ส่วนคำสั่งทางปกครองไปยื่นอุทธรณ์อันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะอย่างน้อยต้องให้เขายุติในการทำหน้าที่ทนาย เพื่อไม่ไปก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับคนอื่นอีก
ส่วนลูกความของเขาที่มีพฤติการณ์แบบนี้ ตนว่าเขาไปร้องสภาทนายความแล้วก็ปฏิบัติตามขั้นตอน ลูกความคงต้องคุยกับทางทนายความเขา แล้วต้องหาทนายความเข้ามาทำหน้าที่ใหม่ เปลี่ยนทนายไปเลย ทำได้โดยยื่นคำร้องต่อศาลว่าทนายถูกดำเนินคดี ทำได้หมด