กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้รับแจ้งเหตุสามีภรรยายิงกันบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ขณะกำลังรับประทานส้มตำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายนิยม หรือ จุน อายุ 63 ปี และ น.ส.สุนีย์ หรือ แหวว อายุ 45 ปี นอนเกยกันอยู่ข้างโต๊ะหินอ่อน โดยศพของฝ่ายหญิงสวมใส่เสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงยีนส์ขายาว นอนจมกองเลือดเกยร่างฝ่ายชาย สวมใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตขาวดำ กางเกงขาสั้น มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะนองพื้น
โดยในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบจานอาหารอยู่เต็มโต๊ะ เบียร์อีก 4 กระป๋อง อาวุธปืนขนาด.38 ตกอยู่ข้าง ๆ มือขวาของนายนิยม ในรังเพลิงพบกระสุน 6 นัด ยิงออกไป 3 นัด จากการตรวจสอบสภาพศพพบว่า น.ส.สุนีย์ ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่หัวใจ 2 นัด ส่วนนายนิยมถูกกระสุนยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บหลักฐานและนำศพทั้งคู่ไปพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่ รพ.บ้านค่าย
ล่าสุดวันที่ 24 มี.ค.63 นายสมศักดิ์ ผลงาม เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า นายนิยม เป็นคนขยันทำงาน เช้าก็จะออกไปทำงานที่ไร่สับปะรดทุกวัน และเป็นคนจิตใจดี ช่วยเหลือคนอื่น ทราบว่าก่อนที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน จะมาอาศัยอยู่ด้วยกัน ก็มีลูกมาแล้วกันทั้งคู่ กระทั่งล่าสุดเพิ่จะมาแยกกันอยู่ไม่กี่เดือนนี้ ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ที่บ้านของตัวเอง โดยวันเกิดเหตุก็ยังพาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านสามี แต่จะเกิดอะไรขึ้นนั้น คนภายนอกไม่มีใครทราบ โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าชนวนเหตุจะมาจากเรื่องความรักความหึงหวง คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องอื่นมากกว่า
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ลงพื้นที่ไปยังที่บ้านหลังเกิดเหตุ ในพื้นที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านของนายนิยม ผู้ก่อเหตุ พบว่าถูกปิดสนิท และญาติ ๆ ได้มีการล้างคราบเลือดออกไปหมดเรียบร้อยแล้ว
นายอุเทน (นามสมมติ) อายุ 55 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า นายนิยมเป็นคนขยันทำงานมาก จะออกไปทำงานในไร่สับปะรดตั้งแต่เช้า อยู่กินกับน.ส.สุนีย์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนมาเป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งพักหลังมานี้ตนไม่เห็นน.ส.สุนีย์ มาหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกันหรือไม่
โดยวันที่ 22 มี.ค.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.30 น. นายนิยม ได้เดินมาคุยกับตนที่บ้าน บอกกับตนว่า "กลุ้มใจมีปัญหาหลายเรื่อง แก้ไม่ตก แหววก็ไม่มา สงสัยพี่จะต้องตาย" ขณะตนไม่รู้สึกเอะใจอะไร เพราะตลอดระยะหลายเดือนที่ผ่านมา นายนิยม มักจะพูดเล่นแบบนี้กับตนอยู่ตลอด ไม่คิดว่าจะลงมือก่อเหตุจริง ทุกครั้งที่นายนิยมพูดแบบนี้ ตนได้แต่ปลอบใจว่า "อย่าคิดมาก ตนอยู่คนเดียวมา 20-30 ปี ยังอยู่ได้เลย
กระทั่งวันที่ 23 มี.ค.63 เวลาประมาณ 20.35-20.40 น. ตนกำลังนอนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน ห่างจากบ้านนายนิยม 100 เมตร ทันใดนั้นตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดติด ๆ และนัดที่ 3 ตามมาในช่วงเวลาเพียง 2-3 นาที ตอนแรกตนคิดว่ามีคนมายิงปืนเล่นในสวนยาง เพราะปกติจะมีเด็กวัยรุ่นมายิงปืนเล่นบ่อยครั้ง ตนคาดว่าใน 2-3 นาทีก่อนที่นายนิยม จะยิงนัดที่ 3 คงเป็นช่วงตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่า นายนิยม นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมาจากที่ไหน เพราะปกติตนไม่เคยเห็นนายนิยม พกอาวุญปืนมาก่อน อีกทั้งตนก็รู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ด้านบรรยากาศที่วัดเชิงเนินสุทธาวาส ในพื้นที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง) สถานที่ตั้งศพของ น.ส.สุนีย์ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยศพของน.ส.สุนีย์ ได้เคลื่อนจาก รพ.ระยอง มาถึงวัดเชิงเนินสุทธาวาส ในเวลาประมาณ 16.45 น. โดยทางครอบครัวได้จัดพิธีรดน้ำศพ เพื่อแสดงความเคารพผู้เสียชีวิต
โดยทางเพื่อนของน.ส.สุนีย์ ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 2 คน ยังสะเทือนใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณฝน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนของ น.ส.สุนีย์ ได้บอกกับอมรินทร์ทีวีว่า ปกติตนอาศัยอยู่ที่ประเทศสวีเดน เพิ่งจะกลับมาประเทศไทยได้ไม่นาน เมื่อกลับมาประเทศไทยแต่ละครั้ง ตนต้องไปทักทายนายนิยม เป็นประจำ เพราะเป็นคนคุ้นเคยกัน
ขณะเกิดเหตุ ตนกำลังกินส้มตำและพูดคุยอยู่กับนายนิยม และน.ส.สุนีย์ ตามปกติ เมื่อผ่านไปประมาณ 30 นาที นายนิยม พูดว่า "ส้มตำไม่อร่อย" แล้วทันใดนั้นก็ชักปืนออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิงใส่น.ส.สุนีย์ ทันที ตนจึงตกใจเป็นอย่างมาก รีบวิ่งหนีออกไปที่หน้าปากซอย และจำไม่ได้ว่าได้ยินเสียงปืนกี่นัด อีกทั้งวิ่งมาอยู่ที่หน้าปากซอยได้อย่างไร
ตนไม่ทราบว่านายนิยม เตรียมการก่อเหตุในครั้งนี้มาก่อนหรือไม่ แต่ถ้าทราบตนคงไม่มาเจอนายนิยม ข่าวที่ว่านายนิยมหึงหวงน.ส.สุนีย์ ไม่อยากให้เลิกกันนั้น เป็นข่าวที่ไม่จริง เพราะทั้งคู่ไม่มีปัญหาหึงหวงแต่อย่างใด แต่ที่น.ส.สุนีย์ ย้ายออกจากบ้าน เนื่องจากไม่สบายต้องย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ตนก็สะเทือนใจ การก่อเหตุในครั้งนี้คงเป็นปัญหาส่วนตัวของทั้งคู่ ส่วนปัญหาอื่น ๆ นั้น ตนไม่ทราบ เพราะ น.ส.สุนีย๋ ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.พนิดา แสงอรุณ อายุ 25 ปี ลูกสาวน.ส.สุนีย์ เปิดเผยว่า ตนเพิ่งจะเจอแม่ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยคุณแม่บอกกับตนว่า จะออกไปทำธุระกับเพื่อนคนหนึ่ง ตนมาทราบภายหลังจากเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ จากนั้นแม่จะต้องไปคุยธุระกับนายนิยมที่บ้าน เพราะปกติยังติดต่อคุยงานกันอยู่
ทั้งนี้ตนเคยอาศัยอยู่ที่บ้านของนายนิยม มาเกือบ 10 ปี กระทั่งแม่ได้เลิกกับนายนิยม เมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีนั้น แม่กับนายนิยม ก็จะทะเลาะกันตามประสาคู่สามีภรรยา แต่ไม่เคยมีการทำร้ายร่างกายใด ๆ ถึงแม้ว่านายนิยม จะเคยพูดกับคนในละแวกบ้านว่า จะยิง น.ส.สุนีย์ แล้วจะยิงตัวเองตายตาม แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะปกติแล้วนายนิยมเป็นคนใจเย็น
สำหรับปมปัญหาที่ทำให้ น.ส.สุนีย์ ต้องขอเลิกกับนายนิยม น.ส.พนิดา บอกว่า น่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวของคนสองคน ไม่เกี่ยวกับการนอกใจแต่อย่างใด เพราะแม่ยังไม่มีผู้ชายคนใหม่ นายนิยมคงทำใจไม่ได้ที่จะเลิกกับแม่ จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว อีกครั้งนายนิยม ยังเคยบุกมาง้อแม่ของตนถึงที่บ้าน แต่แม่ก็ไม่ยอมคืนดี
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกสงสารนายนิยม แต่ก็รู้สึกโกธรนายนิยม ในเมื่อนายนิยมและแม่ของตน เสียชีวิตไปแล้ว ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ตนขอให้นายนิยมไปสู่สุคติ และอยากจะบอกแม่ว่า ตนคิดถึงแม่มาก ๆ โดยทางครอบครัวจะตั้งศพของน.ส.สุนีย์ เป็นเวลา 5 คืน ก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจต่อไป
ทั้งนี้ทีมข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย ได้ความว่า ปืนขนาด.38 ที่นายนิยม ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนของนายนิยมเอง โดยมีใบอนุญาตถูกต้อง ซึ่งจากการสอบสวน ผู้อยู่ในเหตุกาณ์ทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนของน.ส.สุนีย์ ให้การว่า นายนิยม และ น.ส.สุนีย์ ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน แต่น.ส.สุนีย์ นั้น ได้ขอเลิกกับนายนิยมมาหลายเดือนแล้ว แต่นายนิยมไม่ยอม ยังคงตามง้อขอคืนดีอยู่เป็นประจำ ในคืนวันเกิดเหตุ วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาพบนายนิยม ที่บ้านพัก เพื่อเป็นพยานในการตกลงแยกทางกันของทั้งคู่อย่างชัดเจน จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่างขึ้น