กรณีที่นายจำรวน และนางทองปิ่น มุกดา สองสามีภรรยา ชาวบ้าน ต.วังตะแบก อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ได้รื้อบ้านของตนเองทิ้ง เพื่อค้นหาต้นตะเคียน ที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นบ้าน แต่ก็ยังไม่เจอ ทำให้ทุกวันนี้ครอบครัวดังกล่าวไม่มีบ้านอยู่ จนกระทั่งชาวบ้านต้องช่วยกันเพื่อระดมเงินเพื่อช่วยสร้างบ้านใหม่
ล่าสุดวันนี้ (30 ส.ค. 60)
นางทองปิ่น มุกดา เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านรายการต่างคนต่างคิด โดยระบุว่า รู้จักร่างทรงรายนี้ผ่านการแนะนำของพระสงฆ์รูปหนึ่ง โดยร่างทรงอ้างว่า หากมีการรื้อบ้าน มูลค่ากว่า 3 แสนบาท เพื่อขุดต้นตะเคียนที่ฝังดินอยู่ขึ้นมา จะทำให้บุตรชายวัย 22 ปี หายป่วยจากโรค และครอบครัวจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงได้ตัดสินใจเชื่อ พร้อมทั้งเคยโอนเงินให้กับร่างทรงซึ่งอ้างว่าเป็นค่าครูเพื่อทำให้อาการลูกดีขึ้น รวมแล้วประมาณ 1 หมื่นบาท ส่วนบ้านหลังจากขุดไปแล้วไม่เจออะไร นางทองปิ่นยอมรับว่า รู้สึกเหมือนคนหมดแรง ตนต้องับอายเพราะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะว่าเป็นคนโง่ที่เชื่อร่างทรง และเครียดจนเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกที่ป่วยอยู่
“โ
กรธร่างทรงที่มาหลอกว่าลูกเราจะดีขึ้น เป็นความโง่ของตัวเองที่เชื่อคนง่าย สามีท้วง กำนันก็เตือน แต่หนูไม่เชื่อใครทั้งสิ้น เพราะหนูอยากให้ลูกหนูหายอย่างเดียว เพราะจะไปช่วยดูแลน้อง ๆ ได้” นางทองปิ่นกล่าวทั้งน้ำตา
ด้าน
นางนริศรา จันทร น้องสะใภ้ของนางทองปิ่น เปิดเผยว่า ตนไม่เชื่อที่ร่างทรงอ้าง และเคยห้าม ท้วงติง เสนอให้ใช้วิธีการอื่นแทน แต่ร่างทรงยืนยันว่า ถ้าไม่ทำคนในบ้านก็จะมีอันเป็นไป อีกทั้งพี่สาวค่อนข้างเชื่อ
ระหว่างการรื้อบ้าน ร่างทรงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ได้แต่โทรศัพท์มาสั่ง ซึ่งตนตั้งคำถามกับพี่สะใภ้มาตลอดว่า ถ้าทุบบ้านแล้วไม่เจอใครจะรับผิดชอบ ซึ่งนางทองปิ่นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ส่วนลูกชายของนางปิ่นทองก็ยังเคยถามตนด้วยว่า เมื่อทุบบ้านแล้วจะไปอยู่ที่ไหน ซึ่งตนได้แต่นิ่งเงียบแทนคำตอบ
“
เราเรียกอะไรคืนมาไม่ได้แล้ว ไม่โทษใคร ก็ต้องโทษกันเอง ไม่อยากให้ไปว่าอะไรเขา (นางทองปิ่น) เพราะแค่นี้เขาก็ช้ำมากพอแล้ว ด้วยความรักลูก ถ้าหนูเจอแบบนี้ อาจจะทำแบบเขาเหมือนกัน” นางนริศรากล่าว
ขณะที่
นายดง คำเผือก กำนันตำบลวังตะแบก บอกว่า ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ครอบครัวนี้แล้ว นายดงยอมรับว่าที่ผ่านมาได้เคยทักท้วง และเฝ้าสังเกตการณ์ว่าร่างทรงเป็นพวกมิจฉาชีพ หรือไม่ แต่ทั้งนี้ตนไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเจ้าของบ้านมีความเชื่อว่าเมื่อทำแล้ว จะทำให้บุตรชายหายป่วยได้จริง
ด้าน
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ เปิดเผยด้วยว่า นางทองปิ่นต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเอง โดยจะไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากร่างทรงไม่ได้ เนื่องจากความผิดไม่ชัดเจนว่าร่างทรงมีเจตนาที่จะฉ้อโกงหรือไม่ อีกทั้งร่างทรงยังไม่ได้ทรัพย์สินที่ยืนยันชัดเจนว่ามาจากการหลอกลวงได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากมีการฟ้องร้องก็อาจจะถูกคู่กรณีฟ้องกลับได้
“
ห้ามเชื่อใครง่าย ๆ วิทยาศาสตร์เท่านั้นที่ช่วยได้ ถ้าเจ็บป่วย เอาเงินที่ไปจ่ายร่างทรงไปจ้างหมอเก่ง ๆ ให้รักษาดีกว่า ถ้าร่างทรงเก่งจริง ก็ไม่ต้องมีหมอหรอกประเทศไทย” ทนายรณณรงค์กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากจบรายการต่างคนต่างคิด
นางทองปิ่น มุกดา หรือ
ยายไร ได้โทรศัพท์ไปหาร่างทรงอีกครั้ง แต่ไม่รับสาย กระทั่งเปลี่ยนไปใช้เบอร์โทรศัพท์ของทีมข่าว ร่างทรงจึงยอมรับสายพร้อมกับถามว่า “ใคร” ก่อนที่จะบอกว่า “นี่ ยายไรนะ” ทางร่างทรงกลับบอกว่าไม่รู้จัก จากนั้นก็ย้ำไปอีกว่าคือยายไรเอง จนกระทั่งร่างทรงบอกจำได้ พร้อมกับบอกยายไรว่า ข่าวที่ออกมาทำให้คนต่อว่าร่างทรง
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เงียบไปไหน รู้สึกห่วงยายไรเหมือนกัน โดยร่างทรงถามยายไรว่า ยังเชื่อตนอยู่ไหม ถ้าเชื่อให้อยู่เฉย ๆ ซึ่งยายไรก็ได้ยอมรับกับร่างทรงว่าตอนนี้เครียด ขวัญกระเจิง เพราะชาวบ้านพากันหัวเราะเยาะที่ไปหลงเชื่อ ด้านร่างทรงเองก็ตอบโต้กลับมาว่า ได้เคยเตือนยายไรแล้วว่าไม่ให้เชื่อ ยายไรรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ร่างทรง นอกจากนี้ ยายไร ได้ถามร่างทรงถึงเรื่องขอบสระมีอยู่จริงไหม ซึ่งร่างทรงตอบว่ามีจริง ไม่เช่นนั้นตนจะมีอาการแบบนั้นได้อย่างไร
ขณะที่ยายไรได้ถามเกี่ยวกับกรณีที่ขุดหาแล้วไม่เจอต้นตะเคียน ร่างทรงกล่าวว่าต้นตะเคียนลอยลำอยู่ ต้องบวงสรวงให้ถูกต้อง เพื่อให้แม่ธรณีเปิดทาง แล้วยายไรจะเห็น แต่ห้ามยายไรเข้าไปยุ่ง เพราะเกิดความวุ่นวาย พร้อมสั่งห้ามไม่ให้นำชื่อของตนไปบอกสื่อ และยืนยันว่าตนไม่ทิ้งยายไรแน่นอน เพราะได้ปฏิญาณตนเป็นพี่เป็นน้องกันแล้ว
นอกจากนี้ ญาติของนางทองปิ่นยังเปิดเผยด้วยว่า เคยยืนด่ากับร่างทรง ขณะที่รถแบ็คโฮกำลังขุดหาต้นตะเคียนแต่ไม่เจอ โดยมีคลิปที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย