ความคืบหน้าวันที่ 11 กันยายน 2560 ที่บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ญาติน.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือผอ.อ้อย กว่า 10 คนเตรียมตัวนำอุปกรณ์สำหรับเดินป่าและเสบียงอาหารขึ้นท้ายรถกระบะ ก่อนเดินทางไปยังห้วยรากไม้ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลราชธานี ซึ่งในวันนี้ญาตินำโดยนายวิทยา เกษแก้ว สามีจะดำน้ำเพื่อทำการค้นหาร่างผอ.อ้อย ในจุดที่สงสัย
ขณะที่ นางแหลม อุ่นอ่อน แม่ผอ.อ้อย เปิดเผยหลังได้ทำพิธีเปิดป่าเรียกวิญญาณลูกสาวตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาว่า ตนทำตามความฝันเชื่อว่าเมื่อทำพิธีจะสามารถเจอร่างผอ.อ้อยได้ ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ญาติและชาวบ้านก็ได้กระจายกันออกค้นหาตามจุดต่างๆ ที่สงสัยทุกวัน ซึ่งตนยอมรับว่าตนใช้วิธีทางไสยศาสตร์ในการค้นหา เพราะไม่มีทางเลือกอื่น โดยส่วนตัวไม่ได้เชื่อเรื่องดังกล่าวทั้งหมด ทุกวันนี้แม้จะเริ่มเหนื่อยและท้อ แต่ก็ต้องสู้เพื่อให้เจอลูก
นางแหลมยังกล่าวว่า ตนไม่ได้ออกค้นหาลูกสาวทุกวัน แต่จะอยู่บ้านรอฟังข่าว ก็มีคนเข้ามาแนะนำและให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
ขณะที่บริเวณห้วยรากไม้ อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลราชธานี นายวิทยา เกษแก้ว สามีผอ.อ้อย พร้อมญาติและชาวบ้านกว่า 10 คน ลงพื้นที่ค้นหาร่างของผอ.อ้อย โดยก่อนเริ่มทำการค้นหา นายเปา ระมาย มัคนายกวัดบ้านกระมอล ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้จุดธูปเทียนทำพิธีบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่ เพื่อให้การค้นหาเป็นไปด้วยความราบรื่น ก่อนที่นายวิทยา และญาติจะดำนำ เรียงหน้ากระดานค้นหาตามแนวซอกหิน ระยะทางประมาณ 100 เมตร ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงแต่ไม่พบเบาะแสแต่อย่างใด
ทางด้านนายวิทยา เปิดเผยว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ตามเบาะแสเดิมของชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่า พบรอยเดินย่ำของทหารเข้ามาในพื้นป่า พร้อมกับได้ยินเสียงคนโยนบางอย่างลงน้ำ ซึ่งจุดดังกล่าวตนเคยลงดำน้ำมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ยังไม่ทั่วถึงเพราะระดับน้ำสูง จึงต้องมาตรวจสอบอีกครั้ง พื้นที่ใต้น้ำพบว่าเป็นซอกหิน และมีเศษไม้จำนวนมาก ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร โดยได้สำรวจอย่างทั่วถึงแล้ว แต่ไม่พบร่างของผอ.อ้อย
ทั้งนี้ ระหว่างการค้นหา นายเปา ระมาย ได้ทำพิธีเสี่ยงทาย โดยการแกว่งไม้ที่ผูกกล้วยเอาไว้ เพื่อถามว่า ร่างของ ผอ.อ้อยยังอยู่ในจุดดังกล่าวหรือไม่ ก่อนเผยว่า จากการเสี่ยงทาย พบว่าร่างของ ผอ.อ้อย ถูกย้ายออกไปจากพื้นที่แล้ว เชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะไหวตัวทัน และเข้ามานำร่างออกจากป่าไป ทั้งยังยืนยันว่าการเสี่ยงทายดังกล่าวมีความแม่นยำ เชื่อว่าก่อนหน้านี้ร่างของผอ.อ้อยถูกถ่วงน้ำไว้ที่จุดนี้อย่างแน่นอน
จากนั้น สามีผอ.อ้อย พร้อมทีมงาน ได้เดินทางต่อไปยัง อ่างเก็บน้ำพลาญเสือตอนบน บริเวณฐานอนุพงศ์ เพื่อลงดำน้ำหาร่างผอ.อ้อย ในจุดที่มีหินขนาดใหญ่ 2 ก้อนอยู่ในน้ำติดกับแนวป่า ซึ่งมีพระรูปหนึ่งได้ชี้จุดว่า บริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีร่างของผอ.อ้อยถูกทิ้งไว้ ญาติและชาวบ้าน ประมาณ 5-6 คน ได้ลงไปดำน้ำ เพื่อตรวจสอบ อุปสรรคก็คือพื้นที่ค่อนข้างรก และมีสาหร่ายใต้น้ำจำนวนมาก ซึ่งทีมค้นหา ต้องใช้มีดตัดต้นไผ่ซึ่งห้อยลงมาคลุมผิวน้ำออก เพื่อดำน้ำลงไปสำรวจด้านล่างระหว่างการค้นหามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการค้นหา
ขณะที่ช่วงเย็น ที่บ้านนายบุญเลิศ พ่อของผอ.อ้อย ใน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ญาติอีกกลุ่ม ได้ให้ทีมข่าวดูกระดูกลักษณะคล้ายซี่โครงยาวประมาณ 15 เซนติเมตร จำนวน 6 ชิ้น และกระดูกชิ้นเล็กคล้ายกระดูกสันหลัง อีก 3 ชิ้น ที่เข้าไปเก็บมาจาก พื้นที่ป่า ติดกับหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยวังใหญ่บ้าน ซำหวาย ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยชาวบ้านในพื้นที่แจ้งเบาะแส ว่าพบหลุมขนาดความยาว 1.50 เมตร มีใบไม้ปกคลุม คาดอาจเป็นจุดฝังร่าง ซึ่งเมื่อญาติเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมจุดหลุมลึกลงไปประมาณ 1 เมตร ก็พบกระดูกลักษณะเป็นซี่โครงดังกล่าวจำนวนมาก คาดว่าน่าจะเป็นกระดูกของสัตว์ใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ได้ยืนยันว่ากระดูกดังกล่าวเป็นกระดูกควาย ที่ฝังไว้ตั้งแต่ 8 เดือนที่แล้ว ญาติจึงไม่ได้ติดใจแต่อย่างใด