สืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของระหว่าง 2 เพื่อนบ้านผู้อยู่อาศัยภายในซอยคู้บอน 28 เขตคันนายาว เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุทำให้ นายสมชาย กลิ่นกล่อม เสียชีวิตภายหลังถูกนางสาวมนทรา อายุ 48 ปี นางสาวศศินา อายุ 20 ปี นายสุชาติ อายุ 50 ปี และนายสุรสีห์ อายุ 24 ปี ที่เข้ารุมทำร้ายโดยมีสาเหตุมาจากไม่พอใจที่ควันต้มบะหมี่เข้ามาภายในบ้าน
ล่าสุด วันนี้(12 กันยายน 2560)
พันตำรวจเอก สิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ในวันนี้ได้มีการนำตัวของนายสุรสีห์ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ขณะนี้ถูกควบคุมตัวในห้องขังมาสอบสวนเพิ่มเติมแล้วในช่วงบ่าย และจะแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าแก่ผู้ต้องหา ก่อนในวันพรุ่งนี้( 13 ก.ย.) ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวของนายสุรสีห์ไปฝากขังยังศาลจังหวัดมีนบุรีในเวลาประมาณ 12 นาฬิกา
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวอ้างว่าทางตำรวจ ได้มีการอนุญาตให้มีการประกันตัวนางสาวมนทรา และนางสาวศศินา นั้น พันตำรวจเอกสิงห์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการคัดค้านการประกันตัวของ 2 ผู้ต้องหา เพราะยังคงสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ไม่เสร็จสิ้น และเกรงว่าทางผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน จึงนำ 2 ผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลจังหวัดมีนบุรี ก่อนทางศาลจะมีดุลยพินิจให้อนุญาตประกันตัว ซึ่งส่วนตัวไม่เข้าไปก้าวล่วงในเรื่องนี้
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปดูบริเวณโดยรอบของบ้านผู้ต้องหา ซึ่งเป็นบ้านแฝดติดกัน พบว่า ด้านในไม่มีใครอาศัยอยู่ จึงสอบถามจากทางผู้อาศัยภายในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่า ที่ผ่านมาระหว่างผู้เสียชีวิต กับบรรดาผู้ก่อเหตุนั้น มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้งมานานกว่า 1 ปี และทุกครั้งที่ทะเลาะกัน นายสมชาย ผู้เสียชีวิตจะออกมาพูดให้กับเพื่อนๆ ฟังอยู่เสมอว่า
''นายสุรสีห์ 1 ใน 4 ผู้ก่อเหตุ ชอบมาแหย่ น้องชายของนายสมชายที่สติไม่สมประกอบอยู่เสมอ อาทิ ''เหตุการณ์ขณะที่น้องชายของนายสมชายกวาดพื้นหน้าบ้านที่มีน้ำขังอยู่ แล้วจู่ๆ เกิดน้ำกระเด็นใส่บ้านของนายสุรสีห์ นายสุรสีห์จึงออกมาต่อว่า น้องชายของนายสมชาย ทำให้น้องชายของนายสมชาย เกิดอาการเครียด'' เมื่อมีปัญหาทุกครั้งทาง นายสมชาย จะนำน้องชายที่สติไม่ดีไปฝากไว้ยังบ้านของเพื่อน เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงปัญหา นอกจากนี้ ผู้อาศัยภายในหมู่บ้านที่เกิดเหตุยังบอกด้วยว่า บรรดาผู้ต้องหาล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ชอบอ้างในเชิงข่มขู่ผู้อยู่อาศัยคนอื่นๆ ว่า
''มีญาติเป็นตำรวจ และมีพรรคพวกเยอะ'' พร้อมยืนยัน ต้องการให้ทางผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่อยากให้เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทแล้วจบไป เพราะดูจากคลิปทุกอย่างมันบ่งบอกได้ชัดเจน
ขณะที่ ญาติของนายสมชาย กลิ่มกล่อม ผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่มีการสวดพระอภิธรรมศพของ นายสมชาย ที่วัดคู้บอนเสร็จสิ้น ทางญาติจึงได้ตัดสินใจนำศพเคลื่อนไปยังวัด เนินหนองเต่า อำเภอ พนัสนิคม จังหวัด ชลบุรี เพื่อเก็บไว้จนกว่าคดีความทั้งหมดจะเสร็จสิ้น หลังทราบว่า ทางนางสาว มนทรา และนางสาวศศินา 2 ผู้ต้องหาได้รับดุลยพินิจให้อนุญาตการประกันตัว จากทางศาลจังหวัดมีนบุรี โดยทางครอบครัวผู้เสียชีวิตเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และต้องการให้ทางผู้ต้องหา เข้ามาขอขมาศพ เพราะบรรดาพี่น้องยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวหากมีโอกาสได้พูดคุยกับทาง 4 ผู้ต้องหาอยากจะบอกว่า ''จิตใจทำด้วยอะไร ทำคนไม่มีทางสู้ ผู้เสียชีวิตถือเป็นเสาหลักของครอบครัว'' ภายหลังจากที่เสียชีวิต นายสมชาย ได้มาเข้าฝัน ลูกสาวคนโตว่า ''อย่าเพิ่งเผาพ่อ พ่อยังแค้น และเจ็บปวดกับสิ่งที่ผู้ต้องหาได้กระทำลงไป ที่โดนตีดั่งหมู และสุนัข''
เมื่อผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ในเวลากลางคืนที่บ้านของผู้ต้องหาก็พบว่า ภายในบ้านมีไฟเปิดอยู่ และพบรถยนต์ 2 คัน แต่ไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว ซึ่งชาวบ้านบางรายก็ขอให้ข้อมูลแต่ไม่ให้ถ่ายภาพ เนื่องจากกลัวความไม่ปลอดภัย แต่ชาวบ้านบางคนก็บอกว่า บ้านฝั่งผู้ต้องหาเป็นคนที่จิตใจดี พูดจาไพเราะ ส่วนที่ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกมานั้น ตนคิดว่าตอนนี้ไม่ค่อยอยากพูดถึงประเด็นดังกล่าว
ซึ่งทีมข่าวได้สอบถามชาวบ้านถึงประเด็นที่ ทำไมชาวบ้านไม่กล้าให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยชาวบ้านบอกว่า ตนห่วงความปลอดภัยของครอบครัว แต่ตนก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ต้องหาที่โรงพยาบาล ซึ่งผู้ต้องหาก็ได้บอกว่า "จะสู้เรื่องคดีเพราะที่ทำไปแค่ป้องกันตัว"