โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศต่อหน้าสื่อที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (14 เม.ย.) ว่ารัฐบาลของเขาระงับการระดมทุนอุดหนุนให้แก่องค์การอนามัยโลก (WHO) และทบทวนการทำหน้าที่ขององค์การฯ ในการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อทรัมป์โต้แย้งปกป้องการบริหารจัดการของตนต่อการระบาดของโรคในสหรัฐอเมริกา หลังจากฝ่ายรัฐสภาวิจารณ์ถึงการมองข้ามความรุนแรงของโรคในช่วงต้นและตำหนิเรื่องการทดสอบโรคที่ล่าช้า
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 24 ก.พ. หลายวันก่อนที่สหรัฐฯ จะพบรายงานการเสียชีวิตครั้งแรกจากโรคโควิด-19 เขาเคยทวีตข้อความชื่นชมว่า “ไวรัสโคโรนาอยู่ภายใต้การควบคุมในสหรัฐอเมริกา เราติดต่อกับทุกคนและทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค และองค์การอนามัยโลก กำลังทำงานอย่างหนักและชาญฉลาดมาก”
ลอว์เรนซ์ กอสติน (Lawrence Gostin) ผู้อำนวยการของสถาบันโอนีล สถาบันกฎหมายสุขภาพแห่งชาติและระดับโลกแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กล่าวว่าการตัดเงินทุนให้แก่องค์การอนามัยโลกในช่วงวิกฤตสุขภาพระดับโลกนั้น “น่าอับอาย” และเตือนว่าจะทำให้ผลเสียย้อนกลับมาที่สหรัฐฯ เอง
“นับว่าเป็นวิสัยทัศน์ที่สั้น เมื่อในขณะนี้ทั่วโลกต้องการความร่วมมือมากกว่าที่เคยมีมา” กอสตินระบุในทวิตเตอร์เมื่อวันอังคาร (14 เม.ย.)
ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เผยในเจนีนาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “เราต้องหยุดฉวยโอกาสทางการเมืองในประเด็นไวรัสทั้งในระดับชาติและระดับโลก” และ “เราต้องทำงานร่วมกัน ไม่มีเวลาให้เสียเปล่าอีกแล้ว”
จากรายงานของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ เมื่อวันอังคาร ระบุว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันในสหรัฐฯ แล้วกว่า 600,000 ราย และมียอดเสียชีวิต 25,575 ราย ซึ่งทั้งสองจำนวนนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนทั่วโลกขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยเฉียด 2 ล้านราย ในขณะที่ผู้เสียชีวิตเกิน 125,000 ราย
Advertisement