เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าหดหู่เป็นอย่างมาก หลังจาก
นายธวัชชัย หรือ หรั่ง วัย 44 ปี ที่เลี้ยงดูบุพการีที่ป่วยเป็น
โรคนอนติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กลับมา
ค้ายาบ้าเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว และต้องให้ญาติมาดูแลครอบครัวต่อไป หลังจากเมื่อวานนี้(26 เมษายน 2560)
นายนรเสฏฐ์ ศรีตะพัสโส นายอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับการร้องเรียนถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหา ที่มีการใช้บ้านพักลักลอบจำหน่าย ยาบ้าให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ และเสพยาเสพติดด้วย จึงนำกำลังบุกเข้าจับกุมตัว นายธวัชชัย หรือ หรั่ง เรืองสาคร อายุ 44 ปี ใน
ข้อหาเสพยาเสพติด และครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ของกลางยาบ้า 2 เม็ด และอุปกรณ์การเสพยา
เบื้องต้น
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าค้ายาบ้าจริง เพื่อต้องการนำเงินไปเลี้ยงบุพการีที่ล้มป่วย เมื่อตรวจสอบภายในบ้าน ต้องถึงกับสลดใจ เมื่อพบสองผู้เฒ่า ผู้เป็นพ่อวัย 80 ปี และผู้เป็นแม่วัย 77 ปี ป่วยโรคชรานอนติดเตียงไม่สามารถช่วยตนเองได้ มีเพียงบุตรชายที่ตกเป็นผู้ต้องหา คอยปรนนิบัติเลี้ยงดู ด้านผู้ต้องหาหลังรู้ว่าตนเองทำผิดต่อบุพการี ก็ได้ก้มลงกราบเท้าด้วยความสำนึกผิด โดยผู้เป็นแม่ได้แต่ร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ล่าสุด (27 เมษายน 2560)
พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง จ.ชลบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าด้าน ด้านคดีความ กรณี ธวัชชัย หรือหรั่ง เรืองสาครอายุ 44 ปี
ถูกจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับยาบ้า จำนวน 2 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ ว่าในโทษตามกฎหมายนั้นหากครอบครองไม่ถึง 5 เม็ด มีโทษปรับและส่งฟื้นฟูได้ แต่หากมีพฤติการณ์เพื่อจำหน่าย ก็จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มได้ โดยนายหรั่ง เคยถูกจับกุมในคดียาบ้าและถูกฟื้นฟูมาแล้ว พบว่าเป็นคนว่างงาน ไม่มีอาชีพ จึงกลับเข้าสู่วงจรยาบ้าเช่นเดิม โดยระหว่างที่นายหรั่ง ถูกคุมขังในเรือนจำนั้น ก็จะมีหน่วยงานฝ่ายปกครองของภาครัฐเข้ามาดูแลตามขั้นตอนแล้ว เบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพค้ายาจริง โดยคดีนี้มีโทษจำคุก 5 ปี พร้อมฝากไปยังผู้ติดตามข่าวสารว่า ในส่วนของการเห็นใจและช่วยเหลือครอบครัวนี้เป็นเรื่องที่ตนเห็นด้วย แต่สำหรับการดำเนินคดีนั้นต้องแยกระหว่างกฎหมายกับความรู้สึก เพราะต้องดำเนินการตามกฎหมายกำหนด
โดยทีมข่าวได้โทรสอบถามไปยัง
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยทนายความเปิดเผยว่า ผู้มียาเสพติดไว้ในครอบครองนั้นมีความผิด ในข้อหาเสพยาเสพติดและครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 โดยหากครอบครองไม่ถึง 5 เม็ด มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 10 ปีและปรับ 5,000 - 100,000 บาท ตามมาตรา 91 แต่กรณีเป็นผู้เสพครั้งแรก ทางอัยการจะส่งตัวไปบำบัดฟื้นฟูตามพรบ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดต่อไป
ส่วนกรณีความยากจนในชีวิตนั้นไม่สามารถนำมาอ้างไม่ได้ เพราะถ้ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้เป็นข้ออ้างและได้รับการพ้นโทษ ก็จะกลายเป็นกรณีตัวอย่างให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ ทนายรณณรงค์ บอกด้วยว่า "ผู้ใดที่เสพยาเสพติด นอกจากมีความผิดตามกฎหมายแล้วจะต้องเข้ารับการบำบัดเพื่อรักษาด้วย พร้อมฝากเตือนไปยังบุคคลที่คิดจะจำหน่ายหรือเสพยาเสพติด ถ้าคิดว่าจนแล้วต้องขายยานั้นเป็นความคิดที่ผิด และ
ไม่มีใครรวยจากการขายยา"