ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย. พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พร้อมด้วยชุดสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ 3 ราย ประกอบด้วย นายเกิดใหม่ รวยจริงนะ หรือ "ป๋าเกิด" , น.ส.มลฤดี อินอ่อน และนางพรรณวรท ควบคุม ในข้อหากระทำความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์และได้ลงมือกระทำผิดตามที่ได้สมคบกัน โดยการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น ชักจูง ยุยง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กแสดงออกกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2556
โดยเมื่อเวลา 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ ปคม.ได้ควบคุมตัว นางพรรณวรท หรือเจ๊นินิว ขณะกำลังรอให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง และได้นำตัวมาสอบสวนที่ กอง บก.ปคม. โดยภายหลังจากที่ได้สอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาคือนางพรรณวรท หรือเจ๊นินิว ยังคงให้การในภาคเสธ แต่ให้การสอดคล้องต้องกันในเรื่องวิธีการและดำเนินการ ซึ่งมีอยู่ 4-5 ร้านที่เป็นเครือข่ายในการนำเด็กมาเต้นเพื่อโชว์คนต่างชาติ ซึ่งแต่ละร้านมีเด็กประมาณ 10 คน โดยจะโชว์ออกไปในทางสื่อลามกอนาจาร ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นกฎของสหประชาชาติ ที่นับว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในการใช้แรงงานเด็ก ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ถูกหมายจับ คือ ป๋าเกิด และภรรยานั้น ยังไม่ได้มีการประสานมอบตัวมาแต่อย่างใด ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามของเจ้าหน้าที่ แต่หากทางผู้ต้องหาจะเข้ามามอบตัวเอง ตนก็ยินดี
สำหรับประเด็นที่สามารถจับกุมตัวเจ๊นินิวได้ขณะที่กำลังจะเดินทางไปถ่ายรายการนั้น ทางรายการดังกล่าวไม่มีความผิด เนื่องจาก ทางรายการเพียงแค่อยากนำเสนอข่าวและให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นเพียงเท่านั้น และตนก็พร้อมให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ สำหรับทรัพย์สินของทางผู้ต้องหา ขณะนี้จะมีการประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อให้ทำการตรวจสอบบัญชีและอายัดทรัพย์ที่เข้าข่ายเกี่ยวข้องในเรื่องของคดีดังกล่าว
ส่วนเรื่องของเด็กในโมเดลลิ่งที่ยังอาศัยอยู่ในขณะนี้ ก็จะมีการเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อเป็นพยานประกอบในคดี และที่มีกระแสข่าวว่า มีบางคนไปเจรจานอกรอบไม่ให้ผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดกับป๋าเกิดนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการเจรจากันจริง แต่ไม่ใช่ตัวป๋าเกิดเอง ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของป๋าเกิด โดยการกระทำดังกล่าวไม่ได้มีผลต่อรูปคดีแต่อย่างใด เพราะพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำไว้หมดแล้ว และเข้าข่ายข้อหาค้ามนุษย์อย่างแน่นอน โดยในวันนี้จะมีการคุมตัวเจ๊นินิวไปที่สน.ทุ่งสองห้อง ส่วนในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) ทางกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์จะมีการสอบปากคำเจ๊นินิวเพิ่มเติมในช่วงเช้า ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ซึ่งมีกระแสข่าวบอกว่าทางป๋าเกิดจะมีการเข้ามอบตัวในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ช่วงที่ เจ๊นินิว จะเดินทางไปที่สน.ทุ่งสองห้องทางผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามถึงการเข้าสอบปากคำในวันนี้ พร้อมถามว่ามีความกังวลหรือไม่ ทางเจ๊นินิวก็รับว่าไม่กังวล หากถามว่าถูกกลั่นแกล้งหรือเปล่า เจ๊นินิวตอบเพียงสั้นๆว่า "น่าจะ" ก่อนที่จะเดินทางไปสน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งสีหน้าของทางเจ๊นินิว ยังคงยิ้มแย้มและไม่มีความกังวลแต่อย่างใด
ขณะที่ทีมข่าวได้พูดกับป๋าเกิด ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่เป็นอย่างมาก เพราะทั้งครอบครัว คนใกล้ชิด รับเรื่องดังกล่าวไม่ได้ แล้วมีบางส่วนมาต่อว่าครอบครัว ยอมรับว่า การรับเด็กเข้าสังกัด ตนไม่ได้ดูบัตรประจำตัวประชาชน แล้วไม่ได้ส่งเด็กเข้าสถานบันเทิงอย่างเดียว บางครั้งก็ส่งตามงานนอกสถานที่ และเด็กบางส่วนก็เข้ามาโดยไม่ผ่านตน เนื่องจากมีเครือข่ายเพื่อนที่ชักชวนต่อกันมา โดยนินิว เป็นหนึ่งในผู้ที่จัดหาเด็กมาทำงาน
ทั้งนี้ ป๋าเกิด ยังเผยว่า โคโยตี้ส่วนใหญ่ ครอบครัวมีปัญหา หรือติดยาเสพติด อยากได้งานจึงต้องโกหก หากตนจับได้ก็จะไล่กลับ รู้ว่าตัวเองทำผิด แต่ตอนนี้เลิกแล้ว ทุกวันนี้เข้าวัด ทำบุญทุกวัน โดยคนส่วนใหญ่ มองว่าตนเลว ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ทั้งที่ไม่เคยทำแบบนั้น ซึ่งป๋าเกิดไม่ขอตอบเรื่องที่พี่ชายของบอล ออกมาเปิดคลิปเสียงที่ตนยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับบอล โดยยอมรับว่าบุคลิกของตนเป็นคนเจ้าชู้ แต่ไม่เคยบังคับขืนใจใคร แล้วตนกล้าพูดต่อพระเลยว่า "หากผมข่มขืนใคร ให้ผมตายเลยดีกว่า"
ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า หากโคโยตี้มีปัญหาจะถูกยกพวกไปรุมโทรมนั้น ยืนยันไม่จริง พร้อมเผยว่า การรุมโทรมเป็นเรื่องใหญ่ หากมีจริงต้องเป็นคดีความโดยหากมีปัญหาตนจะให้เด็กคุยกันเอง ไม่ได้ใช้ความรุนแรง