เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 17 เม.ย. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ว่า ในช่วงวิกฤตินี้มีแค่พวกเรากันเองในครอบครัวไทยเท่านั้น ที่จะพึ่งพากันได้ ที่จะช่วยกันบรรเทาความทุกข์ร้อน และความยากลำบากที่ทุกคนต้องเผชิญ ตอนนี้งานที่ตนมุ่งเน้นเป็นสำคัญแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มงานหลัก กลุ่มงานแรกคือ งานที่เกี่ยวกับสุขภาพ หมายถึงสิ่งที่เราต้องทำเพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 และเพื่อเพิ่มความสามารถ ในการรักษาผู้ติดเชื้อ กลุ่มงานที่ 2 คือ งานเกี่ยวกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้มีเงินเพียงพอต่อการดำรงชีวิต ผ่านมาตรการและความช่วยเหลือต่าง ๆ ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการคิดและปฏิบัติมาตรการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ
ตนทราบดีถึงความกังวล ของพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับมาตรการเยียวยา 5,000 บาท และมาตรการอื่น ๆ ของกระทรวงการคลัง ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้ได้สั่งการ เรียก รมว.คลัง และผู้เกี่ยวข้องให้เข้ามาพบเพื่ออธิบายที่มาที่ไปและเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทราบว่าปัญหาเกิดจากอะไร และจะแก้ไขอย่างไร นอกจากเงิน 5,000 บาทแล้ว ช่วยไปติดตามงานของหลายกระทรวง มีมาตรการช่วยเหลือออกมาเกือบทุกกระทรวง ทุกกระทรวงช่วยเหลือเต็มที่ โดยภาครัฐจะเข้าไปดูแลกลุ่มเป้าหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เราต้องยอมรับว่ารัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวคงไม่สามารถหาคำตอบให้กับทุกปัญหาได้ คนกลุ่มอื่น และภาคส่วนอื่น ๆ ก็อาจจะมีคำตอบที่ดี และมีความคิดที่ดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน เราจะต้องหาความร่วมมือ ดึงทุกภาคส่วนของสังคม รวมถึงกลุ่มธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ และพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศ เราต้องการคนเก่ง ที่มีอยู่มากมายในประเทศของเราให้มาร่วมมือกัน นี่คือ "ทีมประเทศไทย"
"สิ่งที่ผมจะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้าประการแรก คือ จะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกผมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง มหาเศรษฐีของประเทศไทยทั้งหลาย ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผมขอให้ท่านมีบทบาทสำคัญในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศและร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันกับเรา"
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากกลุ่มมหาเศรษฐีของประเทศไทย ตนยังอยากจะรับฟังและใช้ความรู้ความสามารถของภาคเอกชนทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้นสิ่งที่จะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการที่สองคือ จะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก เพื่อรับฟังพวกท่านด้วยตัวเองโดยตรง ไม่ต้องผ่านหน่วยงานใด เพื่อจะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง ตนต้องการเข้าถึงความรู้ขีดความสามารถ และความเชี่ยวชาญอันหลากหลายของภาคเอกชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เงิน 5 พัน จ่ายได้แค่เดือนเดียวก่อน 'บิ๊กตู่' จ่อประเมินผ่อนปรน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
- ซัดพวกละเมิดเคอร์ฟิว ขาดจิตสำนึก บิ๊กตู่ยกบุคลากร สธ. ฮีโร่ในดวงใจ
- บิ๊กตู่ประกาศขอเป็นผู้นำฝ่าวิกฤต นั่งประธาน ศอฉ.โควิด-19
- "นายกฯ" เรียกประชุมทีมเคอร์ฟิว จ่อแถลงความคืบหน้ามาตรการ "โควิด-19" เย็นนี้ 18.00 น.
นอกจากนี้ ต้องการรับฟังความความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความต้องการและความท้าทายที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ตนต้องการรับฟังว่า พวกท่านต้องการที่จะร่วมมีบทบาทในการแก้ปัญหาครั้งนี้อย่างไร รวมทั้งสิ่งที่ท่านได้ทำไปแล้ว และสิ่งที่ท่านจะช่วยกันทำต่อไป
นายกฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอให้พวกเราทุกคน ทำงานร่วมกัน เป็นครอบครัวเดียวกันขอให้พวกเราใช้วิกฤติครั้งนี้ เป็นโอกาส ที่จะช่วยสร้างประเทศไทยของเรา ให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง มีความเป็นปึกแผ่น และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันของพี่น้องคนไทย ในช่วงเวลาที่ประเทศของเรา กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ขอให้พวกเราทุกคน ได้ร่วมกันแสดงพลังของความเป็นไทยออกมาอีกครั้ง ให้โลกได้เห็นว่าพวกเราคนไทย ได้ร่วมมือช่วยเหลือกัน และต่อสู้ไปด้วยกัน โดยไม่มีสีเสื้อ และไม่มีฝัก มีฝ่ายทางการเมือง
"ผมมีความหวังแบบนั้นและผมเชื่อว่า คนไทยทุกคนก็มีความหวังแบบนั้นเช่นกัน ผมขอให้ทุกคนมาร่วมมือกัน ทำให้ความหวังของพวกเราเป็นความจริง เราจะต้องชนะไปด้วยกัน" นายกฯ กล่าว