กรณีผู้ใช้เฟชบุ๊ก “อิชิชาดะ นัทโซเรียล” โพสต์เรื่องราวอ้างว่า เมื่อคืนวันที่ 15 เม.ย.63 ช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. นายบอลน้องชายกลับจากทำงานในตัวเมืองร้อยเอ็ด เพื่อเดินทางกลับบ้าน ที่อ.เชียงขวัญ ระยะทาง 15 กม.
เมื่อใกล้จะถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน มีรถกระบะคันหนึ่งเบรกกระชั้นชิด นายบอลเกรงว่าจะชนท้ายจึงหักหลบและตะโกนต่อว่าออกไป จึงถูกกระบะขับไล่ เสียหลักล้มลงข้างทาง พอน้องชายจะวิ่งหนี ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นฟ้า 1 นัด และก็มีผู้ชายลงมาจากรถกระบะ 4 คน หนึ่งใน 4 เดินมาประชิดตัวและสั่งให้นายบอล ถอดหมวกกันน็อก และถูกเท้าเตะเข้าที่ปาก ทุบตีทำร้ายแบบไม่มีเหตุผล จนนายบอลได้รับบาดเจ็บ มีแผลแตกที่ริมฝีปากล่าง และมีรอยช้ำที่กรามด้านซ้าย
ล่าสุดวันที่ 17 เม.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านหัวดง หมู่ 7 ต.บ้านเขือง อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด พบกับนายบอล (นามสมมติ) ผู้บาดเจ็บ ได้ให้ทีมข่าวดูบาดแผลเป็นรอยแตกที่นิมฝีปากล่าง และรอยช้ำที่กรามด้านซ้าย จากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบทำร้าย โดยในวันนี้พบว่าบาดแผลดังกล่าวยังมีคราบเลือดและน้ำหนอง รวมถึงรอยช้ำที่กรามซ้าย และทำให้นายบอล พูดคุยกับทีมข่าวได้ไม่ค่อยถนัดมากนัก
โดยนายบอล ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.63 เวลาประมาณ 21.50 น. หลังจากที่ตนเลิกงานที่ อ.เมืองร้อยเอ็ด ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ที่บ้านหัวดง ต.บ้านเขือง อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตนต้องเดินทางอีก 15 กม. ในการกลับบ้าน
กระทั่งมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน เป็นถนนลาดยาง 2 เลน อีก 500 เมตรจะถึงบ้านตนแล้วนั้น รถกระบะคันสีขาว ทะเบียน 2 กณ 76 กรุงเทพฯ ที่ขับอยู่ด้านหน้ารถของตน ได้เบรกกะทันหัน ตนจึงหักหลบขวาออกไป แล้วได้ตะโกนต่อว่ารถคันดังกล่าวว่า “มึงขับรถอะไรของมึง” จากนั้นตนได้ขี่แซงหน้ากระบะคันดังกล่าว จากนั้นรถกระบะจึงเปิดไฟสูงสาดส่องใส่ตน และเร่งความเร็วขับจะชนตนอีกด้วย ด้วยความตกใจและความกลัวคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่น ตนจึงขี่รถหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้าน และกระบะคันดังกล่าวก็ได้ขับตามตนด้วยความเร็ว ตนจะเลี้ยวเข้าบ้านของตนก็ไม่ได้ จึงได้ขี่รถหลบหนีชายกลุ่มดังกล่าวไปถึงท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นทางตัน และเป็นพื้นดินทราย ทำให้รถจักรยานยนต์ของตนเสียหลักล้มลง และพยายามจะวิ่งหลบหนีรถกระบะคันดังกล่าว
ในระหว่างที่ตนวิ่งหนี ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตนจึงหันหลังกลับไปดู เห็นชายฉกรรจ์ 4 คน เดินลงมาจากรถกระบะ หนึ่งในนั้นถือปืนชี้ขึ้นฟ้า อีกทั้ง 4 คนมีทรงผมเป็นทรงตัดสั้นเกรียน คล้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่แต่งกายนอกเครื่องแบบ จากนั้นชายที่ถือปืนยิงขึ้นฟ้าขู่ตน ได้เดินเขามาหาตนและบอกให้ตนถอดหมวกกันน็อก ตนจึงได้ถอดออกและนั่งลงอยู่กับพื้นทราย จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ใช้เท้าเตะเสยเข้าที่ใบหน้าตน 1 ครั้ง ทำให้ริมฝีปากด้านล่างของตนแตก มีเลือดไหลนอง และกรามด้านซ้ายของตนถูกแรงเตะจนได้รับรอยเขียวช้ำ จากนั้นตนก็มีอาการเบลอ และชายทั้ง 4 คน จึงจับตนขึ้นรถกระบะ และพาไปยัง สภ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด
หลังจากเกิดเหตุชายทั้ง 4 คน ได้นำพาตนมาที่ สภ.เชียงขวัญ ทำให้ตนทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ และพนักงานสอบสวนก็ได้สอบสวนตน และแจ้งข้อหาออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 22.00 - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นโดยไม่ได้รับการยกเว้น หรือมีเหตุอื่น ๆ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ซึ่งตนก็ได้ชำระค่าปรับจำนวน 1,500 บาทไปเรียบร้อยแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ตนเองคาใจ คือในสำนวนได้ระบุว่า “ตนเองได้ขับขี่รถหลบหนีเจ้าหน้าที่ จนทำให้รถเสียหลักข้างทาง และผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บที่บริเวณปาก” โดยข้อความนี้ไม่เป็นความจริง แถมยังเป็นเท็จ ตนขอยืนยันว่าตนไม่ได้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถเสียหลัก แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นมาจากถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายหนึ่ง ใช้เท้าเตะเสยคางของตน
อย่างไรก็ตาม นายบอลยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ตนติดใจกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบชุดดังกล่าว เพราะตนอยากให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ชัดเจนมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ออกใช้ตรวจ หรือชุดที่ใส่ปฏิบัติหน้าที่ ตอนเกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวขับมาจี้ท้ายรถของตน จึงทำให้ตนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นกลุ่มคนเมาหรือไม่ หรือกลุ่มมิจฉาชีพ ตนจึงไม่กล้าที่จะจอดรถยืนยันว่าวันเกิดเหตุเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ
โดยตนไม่ได้คิดจะเอาเรื่องตำรวจกลุ่มนี้ที่ทำร้ายตนแต่อย่างใด แต่ตนอยากให้ตำรวจกลุ่มนี้ไม่ไปก่อเหตุแบบนี้กับใครอีก อยากให้มีความชัดเจนในการทำงาน ถ้าหากวันนั้นทำร้ายตนจนเสียชีวิตขึ้นมา แล้วคนข้างหลังของตน หรือคนในครอบครัวจะอยู่กินกันต่ออย่างไร
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายัง สภ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุ โดยทีมข่าวพบกับ ส.ต.ท.ตั้ม (นามสมมติ) หนึ่งในตำรวจชุดที่จับกุมนายบอล ในคืนวันที่ 15 เม.ย.2563 โดย ส.ต.ท.ตั้ม ให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกตรวจพื้นที่มีทั้งหมด 4 นาย คือร้อยตำรวจเอก 1 นาย (หัวหน้าชุด) ดาบตำรวจ 2 นาย รวมตนอีก 1 นาย
เวลา 22.00 น. ของวันที่ 15 เม.ย.63 นายบอลได้ขับรถประมาทหวาดเสียว จนเกือบจะชนท้ายรถกระบะของเจ้าหน้าที่ที่ตนโดยสารอยู่ และชายคนดังกล่าวก็ยังขี่รถประชิดรถตน และด่าว่า “ควาย” พร้อมกับขี่รถปาดหน้าแซงรถกระบะของพวกตนไป เจ้าหน้าที่จึงสงสัยว่าชายคนดังกล่าว อาจมีความผิดอะไรมาหรือไม่ และเป็นช่วงเวลาเคอร์ฟิว เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถยนต์ตามรถชายดังกล่าวไป
กระทั่งรถคันดังกล่าวขี่ไปถึงท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นทางตันไปต่อไม่ได้ ทำให้รถของนายบอลเสียหลักชนพุ่มไม้ลงข้างทาง นายบอลพยายามจะวิ่งหนีต่อไปอีกประมาณ 50 เมตร แต่ก็วิ่งไปต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งเข้าไปควบคุมนายบอลมายัง สภ.เชียงขวัญ และดำเนินคดีตามกฏหมาย
ส.ต.ท.ตั้ม เล่าต่อว่า ตนยืนยันว่าขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ยิงปืนขู่นายบอลแน่นอน ส่วนบาดแผลที่ปากของนายบอลนั้น ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่นายไหนทำร้ายร่างกายนายบอลด้วยการเตะเสยคางตามที่เป็นข่าวแน่นอน คาดว่านายบอลอาจกล่าวอ้างเกินกว่าเหตุ
โดยตอนที่ตนส่องไฟฉายไปที่หน้านายบอล ตนก็เห็นมีบาดแผลที่ริมฝีปากอยู่เหมือนกัน ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย และคิดว่าบาดแผลของนายบอลนั้น มาจากการที่นายบอลประสบอุบัติเหตุ ตอนขับรถหลบนี้เจ้าหน้าที่ จนรถเสียหลักล้มได้รับบาเจ็บ ชุดตรวจของตนเองนั้น เป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว ออกตรวจหาผู้ที่กระทำความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยืนยันว่าวันเกิดเหตุที่พวกตนปฏิบัติหน้าที่นั้น พวกตนมีการใส่เสื้อกั๊กทั้ง 4 นาย เพื่อแสดงตัวอยู่แล้ว