ฝรั่งเศสเกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 15 ปี ไม่เห็นด้วยกับมาตรการล๊อกดาวน์ ช่วง โควิด-19 รวมตัวกันเผารถยนต์ ร้านค้า

22 เม.ย. 63

เกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 15 ปีในฝรั่งเศส หลังจากที่กลุ่มวัยรุ่นและประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการล็อกดาวน์ รวมตัวกันออกนอกที่พัก มาจุดไฟเผารถยนต์ตามท้องถนน และร้านค้า ก่อนจะเกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล

รายงานข่าวระบุว่า จุดที่เกิดการจลาจลหนักหน่วงที่สุด คือ ที่เขตวิลล์เนิฟ-ลา-กาแร็นน์ ทางตอนเหนือของกรุงปารีส โดยทางการฝรั่งเศสต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลจำนวนหลายร้อยนาย เข้าสลายการรวมตัวประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ของกลุ่มวัยรุ่นและชาวบ้านในพื้นที่

นอกเหนือจากที่เขตวิลล์เนิฟ-ลา-กาแร็นน์ ยังมีรายงานการเกิดความวุ่นวายในอีกหลายเขตรอบกรุงปารีส ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของชาวฝรั่งเศสที่เพิ่มสูงขึ้น โดยส่วนใหญ่ต้องการกดดันให้รัฐบาลประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามประชาชนออกนอกบ้าน เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

สื่อท้องถิ่นระบุว่า มีรถยนต์จำนวนมาก รวมถึงป้ายรถประจำทาง และร้านค้าถูกกลุ่มผู้ประท้วงทุบทำลายและจุดไฟเผา ขณะที่ทางการฝรั่งเศสยังไม่สามารถประเมินตัวเลขความเสียหายจากเหตุจลาจลต้านมาตรการล็อคดาวน์ครั้งนี้ว่ามีมูลค่ามากเพียงใด

เหตุจลาจลต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ล่าสุดในฝรั่งเศส เกิดขึ้นในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วประเทศล่าสุดได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอย่างน้อย 158,050 คน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 20,796 ราย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม