จากกรณีผู้ต้องขังหลบหนีจากเรือนจำโครงสร้างเบาเขาไม้แก้ว จ.ระยอง จำนวน 3 ราย ทราบชื่อคือ 1. น.ช.วรวิช คล้ายสุวรรณ อายุ 22 ปี ผู้ต้องขังคดีพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ กำหนดโทษ 3 ปี เหลือโทษจำคุกเพียง 5 เดือนเศษ
2. น.ช.รัตนพล วงษ์สุวรรณ อายุ 33 ปี ผู้ต้องขังคดีพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ กำหนดโทษ 5 ปี 7 เดือน เหลือโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือนเศษ
และ3. น.ช.มานัด สุวิชัย อายุ 27 ปี คดีความผิดต่อชีวิต กำหนดโทษ 4 ปี 2 เดือน เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือนเศษ
โดยนักโทษทั้ง 3 ราย เข้าโครงการอบรมเป็นเวลา 3 เดือนก่อนพักโทษ ขณะนี้อบรมมาได้ประมาณ 1 เดือน ซึ่งนักโทษกลุ่มนี้ถือเป็นนักโทษที่มีความประพฤติดีรอการปล่อยตัว จึงไม่ได้มีการคุมขังอย่างแน่นหนา ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะปล่อยให้ทำหน้าที่ในแต่ละวัน อย่างเช่นการดูแลแปลงผัก หรือทำการเกษตรในพื้นที่เรือนจำโครงสร้างเบาเขาไม้แก้ว
โดยพฤติการณ์ในการหลบหนีคาดว่า หลังลงพื้นที่แปลงผักในช่วงบ่าย ผู้คุมเรียกรวมนักโทษเพื่อเช็ครายชื่อ แต่นักโทษทั้ง 3 รายได้วิ่งหนีออกไปทางด้านข้างเรือนจำซึ่งเป็นพื้นที่ป่า และสวนยางพาราโดยไม่มีรั้วกั้น เมื่อออกมาถึงถนนใหญน่าจะมีรถเก๋งสีขาวรอรับอยู่ก่อนขับหนีไป
โดยระหว่างที่หนีออกมานักโทษได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ น.ช.วรวิช คล้ายสุวรรณ และน.ช.มานัด สุวิชัย ขึ้นรถหนีไป ส่วนน.ช.รัตนพล วงษ์สุวรรณ ซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณขาทำให้หนีออกไปไม่พ้น คาดว่ายังหลบอยู่ตามแนวป่าหลังเรือนจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ระดมกำลังค้นหาโดยรอบในรัศมี 3 กิโลเมตร
นางสวัสดิ์ สุพรรณโรจน์ แม่ของนักโทษชายรัตนพล วงษ์สุวรรณ บอกว่า หลังเกิดเหตุลูกชายไม่ได้ติดต่อมาหาเลย โดยส่วนตัวไม่ทราบปมเหตุในการหลบหนีออกจากเรือนจำในครั้งนี้ โดยที่ผ่านมาตนไปเยี่ยมลูกชายตลอด แต่ตั้งแต่สถานการณ์โรคโควิด 19 ทางเรือนจำงดเยี่ยมจึงไม่ได้ไปหา แต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ลูกชายโทรศัพท์มาขอเงิน ระบุว่าไม่มีเงินใช้แล้ว ทั้งยังระบุว่าอีกไม่นานจะได้ออกจากเรือนจำ ซึ่งตนก็ได้โอนเงินไปให้จำนวน 1,000 บาท
หลังจากนั้นลูกชายโทรศัพท์มาพูดคุยกับลูกสาววัย 7 ขวบอีกครั้ง ซึ่งลูกสาวก็บอกให้ทำตัวดี ๆ จะได้ออกมาอยู่ด้วยกัน กระทั่งมีข่าวลูกชายแหกคุกตนตกใจมาก ไม่รู้ว่าลูกชายคิดอะไรอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายเป็นนักโทษชั้นดี ทำงานใกล้ชิดกับผู้คุม ทั้งยังเคยช่วยผู้คุมตามนักโทษแหกคุกกลับมาที่เรือนจำอีกด้วย
ทั้งนี้ตนคิดว่าลูกชายไม่น่าจะหนีไปได้ไกล อาจจะยังอยู่ในป่าใกล้เรือนจำเพราะลูกชายสุขภาพไม่แข็งแรง ทั้งยังเข่าไม่ดี ซึ่งตนก็เป็นห่วงกลัวจะได้รับอันตราย หรือโดนทำร้ายระหว่างถูกจับกุม นอกจากนี้ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาลูกสาวของนายรัตนพล ฝันว่าพ่อเสียชีวิต
นายอ้น (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า เมื่อ 2 วันที่แล้ว เห็นรถเก๋งมิตซูบิชิสีขาว มาจอดอยู่บริเวณช่วงโค้งติดกับสวนยางข้างเรือนจำ เมื่อสังเกตพบมีคนนั่งอยู่ในรถ และมีอีก 2 คน เดินอยู่บริเวณในสวนยาง ซึ่งขณะนั้นก็แปลกใจเพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเรือนจำไม่มีใครกล้าเข้าไป ส่วนเมื่อวานนี้ไม่ได้สังเกตว่ารถเก๋งสีขาวมาจอดเหมือนเดิมหรือไม่ แต่ตนเคยเห็นรถคันนี้จอดอยู่บริเวณดังกล่าวประมาณ 3-4 ครั้งแล้ว รู้สึกว่าผิดสังเกตเพราะจอดตรงช่วงโค้ง
หลังมีข่าวว่านักโทษหลบหนีออกไป จึงแจ้งทางผู้ใหญ่บ้านว่าเคยพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ ทั้งนี้คิดว่าหากนักโทษจะหลบหนีออกมาบริเวณสวนยางทำได้ง่าย เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่มีรั้ว และค่อนข้างลับตาเนื่องจากไม่มีบ้านเรือนประชาชน
นายสุวิทย์ บำรุงวงศ์ อายุ 33 ปี เป็นเพื่อนของนายมานัด สุวิชัย หนึ่งในนักโทษที่กำลังหลบหนี บอกว่า ตนเคยติดคุกคดีกัญชาซึ่งขณะนั้นถูกคุมขังในเรือนจำกลางระยอง และได้รู้จักกับนายมานัด สุวิชัย โดยนายมานัดเคยบ่นว่า คิดถึงครอบครัวทั้งภรรยาและลูก เนื่องจากช่วงนั้นภรรยาไม่ค่อยมาเยี่ยม ซึ่งตนก็ได้ปลอบใจไป
จากนั้นตนออกจากคุกมาประมาณ 7 เดือนที่แล้ว ภายหลังนายมานัด ได้ย้ายมาอยู่ที่เรือนจำโครงสร้างเบาเขาไม้แก้ว ซึ่งเป็นเรือนจำเปิดค่อนข้างให้อิสระกับผู้ต้องขัง ตนจึงได้พูดคุยกับนายมานัดบ่อยครั้งที่บริเวณริมรั้วลวดหนาม เพราะอีกฝ่ายรับผิดชอบแปลงเกษตรกับบ่อปลาที่อยู่ติดริมรั้ว
โดยเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับนายมานัด อีกฝ่ายบอกว่าเหงา ตนจึงถามว่าเมื่อไหร่จะได้พักโทษ ซึ่งนายมานัดตอบว่า อีกประมาณ 2 สัปดาห์ จึงบอกว่าให้อดทนแล้วมาเจอกันข้างนอก ส่วนตัวคิดว่านายมานัดน่าจะเป็นคนต้นคิดชวนเพื่อนอีก 2 คน เพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยมีญาติมาเยี่ยมจึงเกิดความคิดถึงบ้าน
ทั้งนี้คาดว่าผู้ต้องขังทั้ง 3 คนน่าจะอาศัยจังหวะช่วงที่ออกมาลงแปลงเกษตรหลบหนีไปในช่วงบ่าย ก่อนที่ผู้คุมจะเรียกรวมแถวในเวลา 16.00 น. เพราะเป็นโอกาสเดียวที่จะสามารถหลบหนีออกไปได้ผ่านทางแนวป่าและสวนยางเนื่องจากไม่มีรั้วกั้น