วันที่ 23 เม.ย.63 ภารกิจเคาะประตูบ้านเพื่อแจกเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของคู่แฝดใจบุญของ “คุณท็อป-บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และ คุณไทด์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” และทีมงานอาสาสมัคร โดยวันนี้ถือเป็นวันที่ 16 ของภารกิจ โดยทั้งคู่ตั้งเป้าลงพื้นที่ทั้งหมด 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนโรงเจมักกะสัน 100 หลังคาเรือน ประชากรจำนวน 420 คน , ชุมชนหลังวัดมักกะสัน 130 หลังคาเรือน จำนวนประชากร 300 กว่าคน , ชุมชนพัทยาข้าง RCAริมทางรถไฟเพชรบุรี 100 ครัวเรือน จำนวนประชากร 280 คน
โดยบรรยากาศวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก นอกเหนือจากทางทีมงานของ "พี่ท็อป -พี่ไทด์" แล้ว ยังมีรถของมูลนิธิร่วมกตัญญูที่บรรทุกเอาถุงยังชีพมา จำนวน 1,000 ชุด พร้อมปักหมุดจุดแจกอยู่ที่บริเวณวัดดิสหงษาราม (มักกะสัน) โดยประชาชนที่ได้คูปองสามารถเดินทางมาแลกถุงยังชีพได้ที่บริเวณวัดดังกล่าว โดยจะมีเจ้าหน้าที่ค่อยจัดระเบียบและพร้อมอำนวยความสะดวกให้เป็นไปจามมาตรการของภาครัฐ โดยถุงยังชีพ 1 ชุดประกอบด้วย ข้าวสาร 5 กิโลกรัม ปลากระป๋อง 4 กระป๋อง ผักกาดดอง 4 มาม่า 4 ซอง เกลือ 1 ซอง
โดยทาง "พี่ท็อป-พี่ไทด์" บอกว่า ส่วนตัวได้เตรียมเงินมาจำนวน 5 แสนบาท แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนใน 3 พื้นที่ โดยยอดเงินรวมในการสมทบทุนเข้ามานั้นอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านกว่าบาท คาดว่าจะมีเงินเพียงพอแจกจ่ายไปถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้แน่นอน ทั้งนี้ ในส่วนของอนาคตว่าจะขยายเวลาออกไปหรือไม่ ก็คงต้องตามติดสถานการณ์โรคระบาดไปเรื่อย ๆ
ยืนยันว่ามาตราการของภาครัฐในการจัดให้คนที่ต้องการแจกของต้องแจ้งภาครัฐก่อนนั้น ส่วนตัวภารกิจของตนนั้นไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเราคำนึงถึงประเด็นนี้มาตลอดเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 จึงเป็นที่มาของการเดินแจกตามบ้านโดยที่ผู้คนไม่ต้องมาเอ่ออ่อต่อแถวกันเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามทาง ในหนึ่งสัปดาห์ที่ทางคณะหยุด ส่วนตัวมีแพลนว่าจะรวมพลพาอาสาสมัครที่เดินตามไปตรวจหาเชื้อ "โควิด-19" เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทีมอาสาสมัคร และชาวบ้านในชุมชนที่เราได้ไปเดินแจกจ่ายเงินมาก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังป้องกันข้อครหาหากมีการอ้างว่าปกติในชุมชนไม่มีคนติดเชื้อแต่พอทางคณะเราลงไปแล้วมีคนติดเชื้อ
อยากจะขอชี้เเจงในส่วนของบางคนที่ยังไม่เข้าใจถึงภารกิจที่ตนและทีมงานทำ แล้วไปตีแผ่ในแง่ว่าทางเราเอาภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของประเทศไปเผยเเพร่ ยอมรับไม่ได้มีเจตนาดังกล่าว แต่จุดประสงค์แค่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในส่วนที่หลายคนยังเข้าไม่ถึง ท่ามกลางปัญหาวิกฤติโรคระบาดเเค่นั้นเอง
นางศิริรัตน์ อายุ 46 ปี และน.ส.ศรัญรัตน์ อายุ 26 ปี สองแม่ลูก บอกว่า ที่บ้านมีสมาชิก ทั้งหมด 6 คน เงิน 500 บาท ที่ได้รับส่วนตัวจะนำเงินไปซื้อไข่ไก่ 1 แผง ราคา 100 กว่าบาท พร้อมนำเงินไปซื้อข้าวสารถุงละ 5 กิโล ราคาประมาณ 120 บาท และซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำนวน 1 ห่อใหญ่ 60 บาท รวมเป็นเงิน 300 บาท ส่วนเงินที่เหลือก็เก็บเอาไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ
นอกจากนี้ ลูกสาวเพิ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับคอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาทางบริษัทเรียกเข้าไปคุยเพื่อเลิกจ้าง โดยให้เหตุผลว่าติดเชื้อโควิด-19 ทั้งที่ใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่ได้ป่วย ทำให้ตอนนี้ไม่มีงานทำและไม่มีเงิน