หลังจากที่ สน.พลับพลาไชย 2 แจ้งความเอาผิดกับหญิงสาวที่นำสิ่งของไปแจกคนไร้บ้าน บริเวณหัวลำโพง ถนนกรุงเกษม แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ พร้อมแจ้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการจัดกิจกรรมมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้ว และนำผู้ต้องหาส่งอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาล
โดยเจ้าตัวออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงโดนจับย้อนหลัง ทั้งที่ตอนแรกตำรวจเรียกไปพบที่โรงพัก เพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องคนทะเลาะวิวาทกันเท่านั้น
วันที่ 23 เม.ย. 63 น.ส.เพลง (นามสมมติ) ผู้แจกของ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาถามข้อมูล หลังจากเห็นรถของตนในภาพข่าวที่ไปแจกของ จึงขอให้ไปเป็นพยานในคดีคนทะเลาะวิวาทแย่งของที่หัวลำโพง
แต่หลังให้ปากคำเสร็จแล้ว กลับโดนตำรวจเอาผิดเกี่ยวกับเรื่องห้ามการจัดกิจกรรมมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้ว และผิด พ.ร.บ.จราจร จอดรถซ้อนคัน ยื่นฟ้องต่อศาล ตนต้องเสียค่าปรับ 2,500 บาท โดยหลักฐานที่ตำรวจเอาผิดย้อนหลังนั้น ตำรวจบอกว่ามาจากภาพในข่าวที่เห็นรถกระบะสีเทาของตนเองไปแจกของ ตนจึงสงสัยว่าแจกของไป 1 สัปดาห์แล้ว ทำไมจึงถูกเอาผิดย้อนหลัง
นอกจากนี้ วันที่ตนไปแจกของก็มีจิตอาสารายอื่นที่ไปแจกเช่นกัน แต่ไม่มีใครโดนดำเนินคดี เพราะไม่มีภาพคลิปหลักฐาน ทั้งนี้ ตนเสียความตั้งใจ และเข็ด ทั้งที่ตกงานอยู่ แต่ก็รวบรวมเงินกับเพื่อน ๆ ได้ประมาณ 20,000 บาท นำอาหารแห้งและของใช้ไปแจกประมาณ 100 ชุด เพื่อให้คนที่ลำบากกว่า แต่ก็มาถูกจับ
"อยากฝากคนที่มารับแจกว่าให้ฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และผู้แจก ในการเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดือดร้อนกันกันทั้ง 2 ฝ่าย" น.ส.เพลง กล่าว
ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ให้ความเห็นว่า คำสั่งห้ามมั่วสุมเสี่ยงแพร่เชื้อ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดออกประกาศ ห้ามการชุมชุม การทำกิจกรรม และการมั่วสุม ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 63 การเอาผิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 เม.ย. 63 ตำรวจย่อมทำได้ เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว แม้จะดำเนินคดีในอีกสัปดาห์ต่อมาก็ตาม ส่วนภาพในข่าวที่ปรากฎนั้นสามารถใช้เป็นหลักฐานได้
"แต่ในอีกมุมหนึ่ง มองว่าไม่ควรเป็นเช่นนั้น รัฐควรจะใช้วิธีการอย่างอื่น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นยาแรงเกินไป ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จำดำเนินคดี"
