แค่ล้อเล่น ปืนยิงหมาจี้หัวอาบัง! แม่ป้องลูก ขอหยุดด่า รับเตลิดหนี กลัวคนประณาม (คลิป)

กลายเป็นกระแสโด่งดังในสังคมออนไลน์ หลังเพจเฟซบุ๊ก Gun center Thailand ได้โพสต์คลิปชายรายหนึ่ง ที่กำลังแกล้งต่อราคาชายขายถั่วชาวอินเดีย ที่มาขายถั่วพร้อมกันถึง 2 คน ทำให้ชายที่กำลังต่อราคา ทำทีพูดจาเหมือนไล่ให้ไป ก่อนที่จะชักปืนขึ้นมา และจ่อไปที่หัวของชายขายถั่ว ก่อนถามว่า จะกลับหรือไม่ ? ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ คลิปดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และมีการตั้งคำถามว่า ปืนดังกล่าวเป็นปืนจริงหรือไม่ ? ล่าสุด วันนี้(28 ก.ย.) ทีมข่าวได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ย่านสายไหม โดยพบว่า ร้านดังกล่าวปิดเงียบ และไม่พบชายผู้ชักปืนในคลิปแต่อย่างใด แต่เมื่อทีมข่าวได้พบกับแม่ของชายในคลิป คือนางวารี จาดเลน อายุ 58 ปี แม่ของนายจีรวัฒน์ จาดเลน อายุ 34 ปี ชายในคลิป ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ ที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ลูกชายเล่าให้ฟังว่า ได้หยอกล้อกับชายขายถั่วชาวอินเดียที่เดินเข้ามาขายพร้อมกัน 2 คน

สำหรับชายขายถั่วคนแรกได้ขับรถจักรยานยนต์มาพร้อมกับขายถั่วในราคา 3 ถุง 40 บาท ส่วนชายขายถั่วคนที่สองได้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาขายถั่วให้ตนในราคา 3 ถุง 50 บาท ซึ่งปืนที่ลูกชายตนได้หยิบขึ้นมา เป็นปืนปลอมที่ไม่มีลูก ซึ่งลูกชายมักจะวางปืนไว้บริเวณหน้าบ้าน เพื่อใช้ยิงขู่สุนัขที่เข้ามาปัสสาวะใส่รถ ทั้งนี้ ชายชาวอินเดียทั้ง 2 คนลูกชายตนก็รู้จักสนิมสนม เพราะมักจะเข้ามาขายถั่วเป็นประจำช่วงเวลาค่ำ ซึ่งทางบ้านตนก็อุดหนุนถั่วของชายชาวอินเดียเป็นประจำ

ภายหลังจากคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ลูกชายรวมถึงครอบครัวรู้สึกเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีกระแสโจมตีของสังคมเข้ามาเป็นอย่างมาก ขณะนี้ ลูกชายได้ขอหลบออกจากบ้าน เนื่องจาก อยากพักผ่อน และไม่อยากตอบคำถามกับใครสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนนางวารี ผู้เป็นแม่ ยอมรับว่ารู้สึกแย่จนไม่สามารถทำงานได้ เพราะเป็นห่วงลูกชาย จึงอยากขอให้สังคมหยุดวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการหยอกล้อของคนรู้จักกันเท่านั้น และชายชาวอินเดียวภายในคลิป ไม่ได้แจ้งความหรือเอาผิดลูกชายตนแต่อย่างใด สุดท้ายนี้ นางวารี บอกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และนำปืนดังกล่าวไปตรวจสอบ