เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายธนิต ชาญเดชสิทธิกุล อายุ 34 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พนักงานเวรเปลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อม น.ส.สุวลักษณ์ ทรงรัมย์ อายุ 30 ปี ภรรยา และ น.ส ฐิฏติยาพร กรณีรติธนรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ของโรงพยาบาล เดินทางไปพบ น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี ชาว ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ หลังเกิดความเข้าใจผิดเรื่องการกดเงินแล้วเงินในบัญชีหายไป 5,000 บาท
โดย น.ส.สุนันท์ ได้ร่ำไห้แสดงความเสียใจที่ทำให้นายธนิต และครอบครัวได้รับความเสียหายถูกสังคมประณามว่าเป็นคนกดเอาเงินไป ทั้งที่ตั้งใจอาสาช่วยเหลือ
น.ส.สุนันท์ บอกว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาตนเล่าความจริง การแจ้งความก็เป็นไปตามกระบวนการที่มีคนแนะนำ เพราะมีหลักฐานตามทามไลน์ชัดเจน ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะธนาคารที่เราเชื่อมั่นในระบบอยู่แล้ว
"อยากให้ต้นยกโทษให้ยาย ยายขอโทษ ที่ยายเข้าใจผิด คิดว่าต้นเป็นคนเอาไปยายขออภัย ขอให้ต้นทำความดีแบบนี้ตลอดไป"
ด้าน นายธนิต บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเคสตัวอย่างสำหรับตัวเองและคนทั่วไปว่าควรจะระมัดระวังอย่างไร ยอมรับว่า หากธนาคารไม่ออกมายอมรับผิดตนจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน เพราะภาพจากกล้องหน้าตู้ ATM จะต้องปรากฏภาพตัวเองชัดเจน
ส่วนโลกโชเชียลที่รุมประณามตนและครอบครัวในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทุกอย่างไม่ติดใจไม่ขอเอาเรื่องกับใคร หลังจากนี้ก็จะตั้งใจทำงาน และถ้ามีคนไข้ขอให้ไปกดเงินอีกก็จะไปเหมือนเดิมแต่จะระวังมากกว่านี้
