จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.Plus+" เปิดเผยว่ามีผู้ประกอบการถูกสารวัตรฝ่ายการฌาปนกิจสงเคราะห์ ดูแลการจัดงานฌาปนกิจตำรวจหน่วยอรินทราช 26 ที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งจัดขึ้นที่วัดตรีทศเทพ ยักยอกเงินค่าสังฆภัณฑ์ ดอกไม้ อาหาร พวงหรีด โลงศพ ไปใช้ส่วนตัว โดยอ้างว่าเงินหายนั้น
วันที่ 27 เม.ย. 63 พ.ต.ต.ธีร์ธดลย์ พันธ์สนิท กล่าวว่า รู้สึกเครียดจนเกือบคิดสั้นทำร้ายตัวเองและลาออก รวมทั้งยอมรับว่า ได้ทำเงินที่ใช้ฌาปนกิจสงเคราะห์มากถึงหลักล้านบาทหล่นหายจากกระเป๋า ขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน แต่ไม่ได้แจ้งผู้บังคับบัญชา ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปขอยืมเงินจากคนรู้จักและได้ประกาศขายที่ดินต่างจังหวัด ซึ่งยังขายไม่ได้ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้ร้านค้าต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่พอใช้คืน จึงแจ้งผู้บังคับบัญชารับทราบ และยอมให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี
เหตุที่เกิดขึ้น อยากขอโทษผู้บังคับบัญชาที่ทำให้หน่วยงานเสื่อมเสีย ตนพร้อมยอมรับผล รวมทั้งอโทษผู้เสียหายทุกรายที่ทำให้เดือดร้อน
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและสอบวินัยร้ายแรงแล้ว
นายวีรวัฒน์ กำจัดภัย อายุ 34 ปี น้องชายของ ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย สังกัดกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หน่วยอรินทราช 26 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ขณะปฏิบัติหน้าที่ กล่าวว่า ตนทราบเรื่องการโกงเงินจัดงานศพแล้ว ตั้งแต่พี่ชายเสียชีวิตวันที่ 9 ก.พ. 63 หลังจากนั้น 1 วัน มีการรับศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดตรีทศเทพ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลให้ทั้งหมด
ระหว่างจัดงานตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 63 ถึงวันพระราชทานเพลิงศพวันที่ 16 ก.พ. 63 มีเจ้าหน้าที่จัดรถตู้มารับส่งครอบครัวทุกวัน ส่วนเรื่องอาหารว่าง เครื่องสังฆภัณฑ์ และทุกอย่างภายในงานมีการจัดเตรียมไว้ให้ทั้งหมด เท่าที่สังเกตมีแม่บ้านประมาณ 10 คนช่วยงาน
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่รู้จักกับ พ.ต.ต.ธีร์ธดลย์ ที่อ้างว่าทำเงินหาย เพราะปกติจะประสานงานผ่านหัวหน้าของ ด.ต.เพชรรัตน์ สังกัดหน่วยอรินทราชเท่านั้น โดยเมื่อวาน 26 เม.ย. 63 ช่วงค่ำ พ.ต.ต.ธีร์ธดลย์ ได้โทรศัพท์มาหาแม่ของตน กล่าวขอโทษที่มีข่าวออกมา ซึ่งกระทบถึงครอบครัวตน และยืนยันว่าทำเงินหายจริง ตนเองไม่ทราบว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการดีกว่า
สำหรับร้านค้าต่าง ๆ ที่มีการประสาน และยังค่างค่าใช้จ่ายในเดือนกุมภาพันธ์ มี 5 ร้าน เป็นร้านอาหารรับทำอาหารในงานศพ 2 ร้าน ร้านแรกค้างเงิน 19,450 บาท ร้านที่ 2 ค้างจ่าย 20,000 บาท ร้านรับจัดชุดอาหารว่าง 1 ร้าน ค้างจ่าย 61,400 บาท ร้านสังฆภัณฑ์ 1 ร้าน ค้างจ่าย 212,620 บาท และร้านดอกไม้ 1 ร้าน ค้างจ่าย 60,000 บาท
น.ส.กนกวรรณ แก้วหนองโพธิ์ ผู้เสียหาย เจ้าของร้านอาหาร เสียหายกว่า 18,000 บาท เล่าว่า ตนเองรู้จากกับสารวัตรนายนี้จากเพื่อนที่รู้จัก ซึ่งเพื่อนแนะนำกับตนเองว่าตำรวจนายนี้เข้ามาดูแลฝ่ายฌาปนกิจที่วัดตรีทศเทพ สามารถดีลงาน สั่งอาหารจากร้านตนเองไปเลี้ยงแขกในงานศพได้
โดยครั้งแรกที่ตนเองรับงานช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ สารวัตรสั่งกับข้าวที่ร้านไปในแบบบุฟเฟ่ต์ หัวละ 250 บาท รวมเป็นเงิน 12,000 กว่าบาท แต่เมื่อถึงเวลาเคลียร์ค่าใช้จ่าย สารวัตรก็เริ่มบ่ายเบี่ยงและขอจ่ายเงินให้ช้า ต้องรอนานกว่า 3 วันกว่าจะได้ รอบที่ 2 สารวัตรมาสั่งอาหารไปจัดงานอีก รวมเป็นเงินประมาณ 9,700 บาท แต่ถึงเวลาเคลียร์เงิน ตนเองกลับติดต่อสารวัตรไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าคงจะได้เงินช้าเหมือนครั้งก่อน จึงไม่ได้คิดอะไร แต่ผ่านไปไม่กี่วันสารวัตรก็มาสั่งอาหารเพิ่มอีก ครั้งที่ 3 เป็นเงิน 9,7000 บาท ตนเองก็จัดส่งอาหารตามปกติ คิดว่าสารวัตรคงจะรวบยอดเงินครั้งที่ 2 และ 3 มาจ่ายให้ตนเองทีเดียว
แต่หลังจบงาน กลับติดต่อสารวัตรไม่ได้อีก ตนเองจึงให้สามีไปตามหาที่วัดแต่ไม่พบ เมื่อพยายามติดต่อไปหา สารวัตรอ้างว่าทำเงินค่าใช้จ่ายหาย ไม่มีเงินมาคืนให้ตน ยอมรับว่าในใจไม่เชื่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตนเองไปแจ้งความดำเนินคดี ถึงได้รู้ว่าตนเองไม่ใช้ผู้เสียหายคนเดียว เงินตรงนี้ ถึงจะดูไม่มาก แต่ก็เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ยังพอเลี้ยงครอบครัวได้ เพราะตอนนี้ที่ร้านขายของไม่ได้เลย