จากกรณีผู้ป่วยโรคไต นอนอยูที่ รพ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ วานให้ญาติเตียงข้าง ๆ เอาบัตร ATM ไปกดดูยอดเงิน หลังได้รับข้อความว่าได้รับเงินช่วยเยียวยา 5,000 บาท จากเว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน.com สุดท้ายเงินหายไป 3,000 บาทจากบัญชี ล่าสุด ตำรวจออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันที่ 28 เม.ย. 63 นายณรงค์ศักดิ์ อายุ 47 ปี วานให้นางสุทาทิพย์ อายุ 44 ปี น้องสาว ไปร้องต่อ ร.ต.อ.มานพรอย ประโคน รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.นางรอง ให้ช่วยติดตามบุคคลต้องสงสัย ที่เอาบัตร ATM ไปกดเอาเงินไป 3,000 บาท หลังจากที่นอนรักษาตัวด้วยโรคไตที่โรงพยาบาลนางรอง และได้ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาตามโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" ของรัฐบาล ได้รับเงินเยียวแล้ว 5,000 บาท
นายณรงค์ศักดิ์ เล่าว่า ตนวานให้ญาติผู้ป่วยข้างเตียง เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี เอาบัตร ATM ไปกดเช็กดูเงินว่าเข้าบัญชีแล้วหรือไม่ เพราะได้มีข้อความยืนยันแล้วว่ามีสิทธิ์ได้รับเงิน แต่ชายคนดังกล่าวกลับมาแจ้งว่ามีเงินเข้าเพียง 2,000 บาท ซึ่งเงินหายไป 3,000 บาท จึงให้น้องสาวไปร้องต่อพนักงานสอบสวนแทน
นายณรงค์ศักดิ์ เล่าต่อว่า ตนมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนางรอง ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. ต่อมาวันที่ 18 เม.ย. มีลุงคนหนึ่งมานอนรักษาด้วยอาการถุงลมโป่งพองอยู่เตียงติดกัน จึงได้พูดคุยกัน และรู้จักลูกเขยที่มาเฝ้าไข้ลุงเตียงข้าง ๆ จนกระทั่งวันที่ 22 เม.ย. ก็ได้รับข้อความได้รับเงินเยียวยา จึงวานให้ลูกเขยของลุงที่ป่วยอยู่เตียงติดกันช่วยไปกดเช็กเงินที่ตู้ ATM ซึ่งหลังจากนั้นเงินก็หายออกจากบัญชีไป 3,000 บาท แต่ตนก็ยังไม่ได้กล่าวหาว่าใครกดเงินไป และไม่รู้ว่าเป็นความผิดของธนาคารหรือไม่
ด้านนายสมปอง อายุ 34 ปี อาชีพขับรถเทรลเลอร์ส่งสินค้า เปิดเผยทางวิดีโอคอลว่า วันเกิดเหตุ ตนไปเยี่ยมพ่อตาที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลนางรอง เห็นนายณรงค์ศักดิ์ กับภรรยานอนรักษาข้างเตียง จากนั้นนายณรงค์ศักดิ์ขอให้ไปตรวจเช็กยอดเงินในบัญชี โดยให้บัตร ATM มา 2 ใบ เป็นของธนาคารออมสิน และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เมื่อไปตรวจสอบพบว่าบัตรธนาคารออมสินมีเงิน 2,046 บาท อีกบัตรไม่มีเงิน ตนก็เอาบัตรไปคืน แต่นายณรงค์กลับไม่พอใจ อ้างว่ามีเงินเข้า 5,000 บาท ตนก็ยืนยันไปว่าไม่ได้กดเงินออก หลังจากนั้นก็เดินทางไปทำงานต่างจังหวัดตามปกติ จนมาทราบว่าถูกแจ้งความกล่าวหาว่าลักทรัพย์ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอาจมีความผิด เพราะเป็นคนถือบัตร ATM ไป
"ตนต้องการลดปัญหา ควรจะคืนเงินให้เขา แล้วให้เขาถอนแจ้งความ เรื่องก็จะยุติลงได้ ตนจึงตัดสินใจที่จะเลือกจ่ายเงินไป 3,000 บาท เพราะตนต้องทำงาน ไม่อยากมีเรื่องขึ้นศาล และอยากให้หน่วยงานสืบสวนหาข้อมูลที่แท้จริงว่าเงินที่หาย ใครเป็นคนเอาไปกันแน่ ตนยืนยันว่าไม่ได้กดเงินไปแน่นอน เพราะครอบครัวไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน" ผู้ถูกกล่าวหา กล่าว
น.ส.ประกาย อายุ 31 ปี ภรรยาของนายสมปอง กล่าวว่า สามีเป็นคนใจบุญ ชอบช่วยเหลือคน หลังทราบเรื่องตนรู้สึกไม่สบายใจ อยากจะสู้คดี แต่ก็เสียเปรียบ เพราะเราได้ถือบัตรของเขาไปจริง หลังจากนี้ คงจะไม่กล้าช่วยเหลือคนนลักษณะนี้กับใครอีกแล้ว