วานนี้(28 เม.ย.) ฝรั่งเศสและสเปน เตรียมทยอยคลายล็อกดาวน์ หลังมาตรการนี้ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยาวนานหลายสัปดาห์ ทำเศรษฐกิจประเทศกลายเป็นอัมพาต
นายเอดัวร์ ฟิลิป นายกฯ ฝรั่งเศส แถลงต่อรัฐสภา ว่าชาวฝรั่งเศสต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด-19 และปกป้องตัวเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจอาจพังทลาย หลังฝรั่งเศสล็อกดาวน์ประเทศมานานกว่า 6 สัปดาห์แล้ว โดยเตรียมทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ 11 พ.ค. เป็นต้นไป เริ่มในพื้นที่การระบาดไม่รุนแรงก่อน โดยจะเปิดโรงเรียนอนุบาลและประถมในวันที่ 11 พ.ค. และให้มีนักเรียนในแต่ละห้องไม่เกิน 15 คน ก่อนทยอยเปิดโรงเรียนมัธยมต้นใน 18 พ.ค. และโรงเรียนม.ปลายในเดือน มิ.ย.
ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ หากยังสามารถทำงานจากที่บ้านได้ก็ให้ทำจากที่บ้าน หากต้องออกมาทำงานก็ให้บริษัทให้มาตรการเว้นระยะห่าง ขณะที่ร้านค้าต่าง ๆ สามารถเปิดได้ตามปกติ ยกเว้นคาเฟ่ บาร์ ร้านอาหาร ห้างฯขนาดใหญ่ ด้านขนส่งสาธารณะจะกลับมาเปิดบริการ 70% ผู้โดยสารทุคนต้องใส่หน้ากาก เว้นที่นั่ง ห้ามเดินทางไกลเกิน 100 กม.จากบ้าน และห้ามรวมกลุ่มเกิน 10 คน
อย่างไรก็ดีหากระหว่างนี้หากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ดีขึ้นอาจมีการเลื่อนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ หรือใช้มาตรการป้องกันที่เข้มงวดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด้านสเปน นายเปโดร ซานเชซ นายกฯ เตรียมทยอยคลายล็อคดาวน์เป็นระยะ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ตั้งแต่ 4 พ.ค. ไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งจะทยอยเปิดร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ แต่ยังแนะนำให้ประชาชนยังทำงานจากที่บ้าน และยังห้ามการเดินทางข้ามจังหวัด
ทั้งนี้ทั้ง 2 ประเทศอยู่ในกลุ่มประเทศที่พบการระบาดรุนแรงที่สุดในโลก แต่ขณะนี้อัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง โดยล่าสุดฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อสะสม 165,911 คน เสียชีวิต 23,660 คน ขณะที่สเปนพบผู้ติดเชื้อ 232,128 คน เสียชีวิต 23,822 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 เม.ย. เวลา 14.14 น.ตามเวลาไทย )