เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.63) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศที่ตลาดเซฟวัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดใน จ.นครราชสีมา และภาคอีสาน พบว่ามีบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ทยอยเดินทางมาตั้งแผงขายสินค้ากันอย่างคึกคัก ภายหลังจากที่นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มีคำสั่งผ่อนปรนให้สามารถเปิดตลาดนัดได้เป็นวันแรก ภายหลังจากสั่งปิดมานานตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย เป็นต้นมา
บรรดาพ่อค้า แม่ค้า กลับมาตั้งแผงขายของกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในโซนจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีการจัดพื้นที่ให้บรรดาตั้งร้านในระยะห่าง 2 เมตร และมีการขีดเส้นให้ลูกค้ายืนเว้นระยะห่าง ส่วนร้านต่าง ๆ ก็ได้นำแผงพลาสติกใส มากั้นไว้หน้าร้าน พร้อมกันนี้ก็ได้มีการตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิประชาชน บริเวณทางเข้าตลาดทุกจุด และห้ามผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เข้าไปในตลาดเด็ดขาดด้วย
ส่วนโซนจำหน่ายเสื้อผ้า และสินค้าเบ็ดเตล็ด ขณะนี้ยังคงเงียบเหงา ไม่มีการตั้งแผงค้าแต่อย่างใด เนื่องจากทางจังหวัดผ่อนปรนให้สามารถขายได้เฉพาะสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันก่อนเท่านั้น อาทิ หมวดอาหารสด อาหารสำเร็จรูป และสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน
นายสายชล อายุ 30 ปี พ่อค้าขายลูกชิ้นทอด กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจมากที่สามารถเปิดขายของได้ เพราะหลายครอบครัวมีค่าใช้จ่ายประจำวันเป็นจำนวนมาก ทั้งผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ถ้าไม่มีรายได้เข้ามาก็เดือดร้อน แต่ตอนนี้ลูกค้าก็เริ่มกลับคืนมาแล้วกว่า 60% แม้จะขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังพอต่อลมหายใจได้บ้าง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันที่สวนที่สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีประชาชนมาวิ่งออกกำลังกายกันอย่างคึกคัก หลังผ่อนปรนสามารถเปิดให้ประชาชนออกกำลังกายได้ ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 63 เป็นต้นไป แต่อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันเข้มงวด ทั้งการตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ, การวิ่งหรือเดินระยะห่างกันประมาณ 2 เมตร, การปิดไม่ให้ใช้เครื่องเล่น เครื่องออกกำลังกายทุกจุด และผู้ออกกำลังกายจะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกคนด้วย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้จากการสอบถามประชาชนที่มาวิ่งออกกำลังกาย หลายคนบอกว่า การสั่งเข้มงวดให้ประชาชนที่มาวิ่งออกกำลังกายต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะเดินและวิ่งนั้น ถือว่าเป็นอุปสรรคมาก เพราะทำให้หายใจไม่สะดวก เหนื่อยเร็ว แต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ขณะนี้ดี จึงไม่เรียกร้องให้ลดมาตรการเข้มงวดใด ๆ ลง
อย่างไรก็ดีเมื่อคืน (29 เม.ย.) ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกําหนดขยายระยะเวลาพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 4) ทั่วราชอาณาจักรมีใจความระบุตอนท้ายว่า
"ให้บรรดาประกาศหรือคําสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ผู้มีอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ที่ได้ประกาศหรือสั่งไว้ก่อนวันที่ข้อกําหนดนี้ใช้บังคับ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามการให้กระทําการหรือการผ่อนคลายใด ๆ ซึ่งถือว่าเป็นประกาศหรือสั่ง ตามข้อกําหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะได้มีข้อกําหนด ประกาศ หรือคําสั่งเป็นอย่างอื่น ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี"
