วันนี้ (24 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้รับการประสานจาก นายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือฉายา ทนายปาเกียว ทนายความคู่ใจผู้ได้รับการมอบหมายจาก "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ให้เป็นผู้ทำคดีฉ้อโกง "มาดามอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ จำนวน 71 ล้านบาท และคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 25 พ.ย.) ตนจะเดินทางไปที่ห้องส่งรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เพื่อแถลงข่าวกับพิธีกร คือ "หนุ่ม" นายกรรชัย กำเนิดพลอย ให้สังคมได้รับทราบว่า ตนจะขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายความของนายษิทรา
โดย นายสายหยุด ให้เหตุผลว่า เนื่องจากขณะนี้รู้สึกตัวว่า ตนเองถูกหลอก โดยเฉพาะจากพยานหลักฐานที่ นายษิทรา ตระเตรียมไว้ให้ ล้วนเป็นพยานหลักฐานเท็จ เช่น สัญญาการว่าจ้างทำแอปพลิเคชันสลากออนไลน์ ที่เป็นเพียงฉบับร่าง ตอนนี้เอกสารในมือทนายความไม่มีลายเซ็นผู้ใดเลย ประกอบกับได้ทำการสืบสวนในทางลับแล้วว่า เฉพาะสัญญาฉบับนี้ มีการดัดแปลงแต่งเติมแก้ไข จากคอมพิวเตอร์ภายในสำนักงานกฎหมายของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด มาจำนวนหลายครั้ง ก่อนที่จะส่งถึงมือตนเอง ซึ่งนั่นหมายความว่า นายษิทรา อาจพยายามปิดบังข้อเท็จจริง เหล่านี้ทำให้ตน มิอาจรับทำหน้าที่ทนายความในคดีนี้ให้กับนายษิทราให้ต่อไปอีก
ทั้งนี้ ทนายสายหยุด ยังให้เหตุผลในตอนหนึ่งด้วยว่า ถือเป็นเรื่องโชคดีที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หนึ่งในทีมงานบ้านพระอาทิตย์ ของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ตนมีการยื่นข้อมูลพยานและหลักฐานต่างๆ ในคดีให้พนักงานสอบสวนบ้างหรือยัง? โดยตนยืนยันว่าในขณะนี้ยังไม่ได้ยื่นพยานหลักฐานใดๆ ให้พนักงานสอบสวน มิเช่นนั้น เท่ากับว่าตนจะเป็นทนายความที่ไม่ได้ทำงานตามข้อเท็จจริงหรืออาจเป็นผู้ร่วมกระทำผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ โดยความรู้สึกส่วนตัวของนายสายหยุด นั้น มิอาจทนทานกระแสสังคมได้ไหว เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ตราหน้า และกล่าวหาว่าตนเองเป็นทนายความไร้จริยธรรม ดังนั้นในวันพรุ่งนี้จึงได้เตรียมข้อแถลงการณ์ จำนวน 4-5 ข้อ ไปออกรายการโหนกระแสเพื่อขอยุติบทบาทการเป็นทนายความให้กับนายษิทรา.
Advertisement