วันที่ 4 พ.ค.63 พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายดำรงค์ สิริวิชยอิ่มวิเศษ รองผวจ.สกลนคร พล.ต.ต.ศุภากรคำสิงห์นอก รองผู้บัญชการตำรวจภูธรภาค4 พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร นายอรรถสิทธิ์ ทองแสงผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอสว่างแดนดิน และฝ่ายปกครอง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องขังชายจำนวน 5 ราย ที่หลบหนีออกจากเรือนจำอำเภอสว่างแดนดินเมื่อเวลา 02.00น. ของวันที่ 1.พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังหลายฝ่ายสนธิกำลังกันออกติดตามไล่ล่าตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องขังรายที่ 1 เมื่อวันที่ 2 พ.ค. คือนายภานุพงษ์ โครตชมภู หรือทัศน์ ได้ที่เขตเทศบาลคำตากล้า อ.คำตากล้า ต่อมารายที่ 2 เมื่อวันที่ 3 พ.ค.63 จับกุมนายพัฒพงษ์ เกษคำใส หรือตั้ม หลังทนแรงกดดันจากการติดตามจับกุมตัวของจนท.ไม่ไหวจึงขอมอบตัวที่บริเวณสวนยางพารา ต.นาแต้อ.คำตากล้า
ต่อมารายที่ 3 เมื่อวันที่ 4 พ.ค.เวลา 05.40น.จับกุมตัวนายสุริยันต์ สุพรรณประเสริฐ หรือต้น พร้อมภรรยาที่ไปรับหลบหนีไปด้วยได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งในเขตอ.คำตากล้า วันเดียวกันเวลา 09.00น. จับกุมตัวผู้ต้องขังรายที่ 4 คือนายวัฒนชัย พันภักดี หรืออาทิตย์ได้ที่ บ.โคกสง่า ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง ซึ่งภายใน 3 วันเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ทั้งหมด 4 ราย จึงเหลือเพียงผู้ต้องขังรายเดียวซึ่งเป็นหัวโจกของการหลบหนี คือนายอนนท์ หลักคำ หรือนนท์ ที่ยังคงไล่ล่าติดตามตัวอยู่คาดว่าไม่รอดการจับกุมซึ่งแต่ละจุดที่จับกุมได้อยู่ห่างจากเรือนจำอำเภอสว่างแดนดิน 60-70 กิโลเมตร และใกล้ภูมิลำเนาที่อาศัย
พ.ต.ท.ประวุธ เปิดเผยว่า พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ สั่งกำชับให้ติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษและเร่งให้มีการติดตามจับกุมตัวทั้ง 5 รายให้ครบทั้งหมด สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีกำลังพิจารณาและอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานโดยทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครรับผิดชอบในด้านนี้ ซึ่งยืนยันว่าใครที่เกี่ยวข้องจะถูกดำเนินคดี และในส่วนของการทำงานของจนท.เรือนจำอำเภอสว่างแดนดินจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุและชี้แจงว่าเหตุใดถึงมีเหตุการณ์ผู้ต้องขังหลบหนี ประกอบกับหนึ่งในผู้ต้องขังที่หลบหนีเคยต้องโทษอยู่ที่เรือนจำอำเภอสว่างแดนดินมาก่อน จึงทำให้รู้จักสถานที่วิธีการหลบเลี่ยงจนหนีออกไปได้ ยืนยันว่าเรือนจำไม่ได้มีการล่ะหลวมแต่อย่างใด ในส่วนของสาเหตุแรงจูงใจการหลบหนีไปที่ไหนอย่างไรบ้างต้องขอควบคุมตัวให้ได้ทั้งหมดก่อนแล้วจะทำการสอบสวนเชิงลึกสรุปทำเป็นข้อมูล แล้วเปิดเผยต่อสื่อมวลชนต่อไป
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ตั้งค่าหัวผู้ต้องขังรายสุดท้ายเป็นจำนวนเงิน 3 หมื่นบาท แก่ผู้พบเห็นหรือแจ้งเบาะแส