พิษโควิด! เจ้าของร้านผัดไทย ผูกคอตายคาร้าน เครียดขายไม่ดี - อดีตสามีขู่ฆ่า (คลิป)

จากรณีเมื่อช่วงสายที่ผ่านมาเกิดเหตุสาวใหญ่ผูกตัดสินใจผูกคอตายกับขื่อกันสาดบนดาดฟ้าภายในบ้านตัวเอง เขตคลองเตย กทม. ผู้ตายชื่อน.ส.นิธิวดี หรือก้อย แซ่เตี้ย อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของบ้าน สภาพศพอนหงายสวมชุดนอนสีชมพูแบบกระโปรง มีร่องรอยกดรัดบริเวณคอหอย ใกล้กันพบกางเกงสแลคขายาว สีเทา ผูกมัดกับขื่อกันสาด สาเหตุการฆ่าตัวตายเกิดจากไม่ได้รับการเยียวยาประกันสังคม ม.33

น.ส.ประไพ ยอดประดิษฐ์ อายุ 70 ปี น้าสาวผู้ตาย บอกว่า หลังจากพ่อคนตายเสียชีวิต ตนก็เข้ามาพักอาศัยด้วยนานกว่า 20 ปี ตนพักอยู่ชั้น 2 หลานพักอยู่ชั้นลอย ก่อนเกิดเหตุสืบเนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ทำให้หลานต้องหยุดพักงานเนื่องจากร้านอาหารอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า ประกอบกับนโยบายให้ซื้ออาหารกลับบ้าน จึงไม่มีภาชะที่จำเป็นต้องล้างมากนัก เมื่อหลานถูกพักงานก็ขาดรายได้ ต้องใช้เงินเก็บในการดำรงชีวิต และอยู่ระหว่างการรอรับเงินประกันสังคมมาตรา 33 ตามสิทธิกลุ่มลูกจ้าง-พนักงานเอกชนที่ถูกพักงาน

โดยก่อนหน้านี้หลานสาวไปลงทะเบียนเงินเยียวยา5,000 บาท แต่คุณสมบัติติดที่ยังมีประกันสังคม จนต่อมาประกันสังคมมีการชดเชยสำหรับลูกจ้างเอกชนที่ถูกพักงาน หลานจึงไปลงทะเบียนขอเยียวยา โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมาหลานสาวได้ทวงถามถึงการดำเนินเรื่องค่าเยียวยาไปยังหัวหน้าแผนก แต่ได้คำตอบว่า "ไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์" ทำให้หลานสาวเครียด จนกระทั่งวันนี้ตอนเช้าหลานสาวก็ยังไม่ลงมาจึงตะโกนเรียก พร้อมเดินขึ้นไปที่ห้องพักของหลาน แต่พบหลานห้อยคอโดยตัวยังสั่นไหวจึงนำตัวลงมาแล้วตะโกนให้คนข้างบ้านช่วยก่อนรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือจนเกิดเหตุสลดดังกล่าว 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จะนำศพส่งชันสูจน์พลิกศพหาสาเหตุการตายที่แท้จริง คาดว่าเกิดจากปัญหาส่วนตัว พร้อมทั้งจะเรียกญาติและผู้เกี่ยวข้องเข้าไปให้ปากคำอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

สำหรับ สิทธิผู้ประกันตนมาตรา33 สำหรับผู้ที่ว่างงานแบ่งออกดังนี้ 1.ว่างงานจากเหตุสุดวิสัย-รับเงินชดเชย 62% ของค่าจ้างรายวันไม่เกิน 90 วัน 2.ลาออกเอง-รับเงินชดเชย 45% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน 3.ถูกเลิกจ้าง-รับเงินชดเชย 70% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 200 วัน

ขณะที่วันเดียวกัน ตำรวจร้อยเวร สภ.เมืองตรัง รับแจ้งมีคนผูกคอเสียชีวิต ในบ้านหลังหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครตรัง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ตรวสอบที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ในซอยข้างร้านค๊อฟฟี่บี ซอยดังกล่าวเป็นบ้านญาติของผู้เสียชีวิต 

ตรวจสอบภายในห้องครัวของบ้าน พบผู้ตายแขวนคอโดยผูกเชือกอยู่ที่เหล็กติดตั้งเครื่องปรับอากาศแอร์ ในสภาพศพยืนแขวนคอตาย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ภูษณิศา สันติมิตร อายุ 38 ปี  คาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ไม่พบบาดแผลการทำร้ายร่างกาย โดยรอบลำคอมีรอยเขียวห้อเลือดจากการผูกคอตาย

แต่ประตูหลังบ้านถูกเปิดออก เป็นที่สงสัยของญาติพี่น้องเป็นอันมาก ซึ่งญาติ ๆ จะให้ตำรวจไล่หาภาพจากกล้องวงจรปิดดูว่ามีใครเข้าออกบ้านที่เกิดเหตุหรือไม่ อีกทั้งเชือกที่ผูกคอกับเหล็กติดตั้งเครื่องปรับอากาศสูงจากพื้น 3 เมตร ขึ้นไปได้อย่างไร จึงต้องการให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจนว่ามีคนอื่นฆ่าหรือฆ่าตัวตายเองกันแน่ เพราะประตูหลังบ้านเปิดออก

นางศุภวรรณ บริพรรณ แม่ของผู้ตาย ที่ติดใจในการเสียชีวิตในครั้งนี้ของลูก บอกว่า ลูกสาวมีอาชีพขายกระเพาะปลา หน้าบ้านเกิดเหตุดังกล่าว แต่ในช่วงที่ผ่านมาหยุดขายจากสาเหตุจาการระบาดโรคโควิด ในส่วนตัวลูกสาว มีสามี และลูก 5 ขวบ แต่ได้เลิกรากันไป โดยสามีก็กลับไปอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ช่วงหยุดเรียนมารับลูกไปอยู่ด้วย แต่กับสามีก็มีขัดแย้งกันอยู่กับลูกสาวอยู่ตลอดถึงขั้นขู่ฆ่า

โดยทุกเช้าผู้ตายจะไปออกกำลังกายโดยการวิ่งที่สวนสาธารณะ แต่วันนี้ไม่ออกไปวิ่งจึงเดินเข้าไปดูที่บ้าน โดยเข้าทางประตูหลัง เพราะผู้ตายอยู่บ้านคนเดียว พบว่า น.ส.ภูษณิศา ฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอตาย ญาติ ๆ สงสัยประตูหลังบ้านไม่มีการปิดและล็อกไว้ โดยทางญาติต้องการให้ตำรวจผ่าพิสูจน์ศพที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เพื่อหาความจริง