จากกรณี นายอันนา ขำอินทรีย์ อายุ 28 ปี หนุ่มแกร็บฟู้ด โดนคนขับรถเก๋งที่เมาสุราชนแล้วหนี บนสะพานพระราม 9 ก่อนที่ร่างจะตกลงมากระแทกพื้นจนอาการสาหัส หลังฝื้นขึ้นมากลับจำลูกและคนในครอบครัวไม่ได้สักคน เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.63
ล่าสุด วันที่ 5 พ.ค.63 ญาติได้รับตัวนายอันนา คนเจ็บ ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน โดยมีแม่และอดีตภรรยาสลับกันดูแลอย่างใกล้ชิด
นางประกอบ คำเอม อายุ 58 ปี แม่ของคนเจ็บ บอกว่า จนถึงทุกวันนี้ยังรับสภาพไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าจากเด็กดี เด็กขยันคนหนึ่งที่เป็นเสาหลักของครอบครัวจะมาอยู่ในสภาพไม่ต่างจากคนพิการ หลังเกิดเรื่องครอบครัวลำบากมากเพราะยังมีหลานชายอีกคนวัย 1 ขวบที่ต้องดูแล โดยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ลูกชายจึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
วันเกิดเรื่องลูกชายกำลังขี่รถไปส่งอาหาร โดยที่มีรถขยะขับตามหลังมา จู่ ๆ รถเก๋งฟอร์จูนเนอร์พยายามจะขับแซงรถขยะขึ้นมา จนกระทั่งชนรถจยย.ของลูกชายอย่างแรงจนร่างกระเด็นตกลงมาบนพื้นถนนปางตาย ส่วนคู่กรณีได้ขับรถหลบหนีไป โชคที่ดีมีแท็กซี่พลเมืองมาช่วยไว้จนถูกตำรวจนำตัวไปเป่าแอลกอฮอล์พบว่าสูงถึง 156 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ส่วนการเยียวยาและช่วยเหลือครอบครัวจากฝั่งคู่กรณี ช่วงแรกที่เข้าโรงพยาบาล ฝั่งคู่กรณีก็ยังคงเข้ามาติดต่อพูดคุยอย่างดี มีการช่วยเหลือ สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น พร้อมทั้งให้เงินช่วยเหลือครอบครัวเป็นเงินสด จำนวน 3,000 บาท และให้เงินมาซื้อแพมเพิสอีก 2,000 บาท โดยตกลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดูแลเยียวยาให้ถึงที่สุด
พร้อมทั้งดูแลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเช่าห้อง ค่าเสียเวลา และค่าเลี้ยงดูลูกของคนเจ็บ แต่ไม่คิดว่าหลังจากที่เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ก็ไม่สามารถติดต่อคู่กรณีได้อีก โดยพยายามทวงถามแต่ถูกปฏิเสธ แล้วอ้างว่าให้ไปคุยกับทนายความส่วนตัว หรือให้คนเจ็บเป็นคนมาเจรจาด้วยตัวเอง อยากให้คู่กรณีมาช่วยเหลือหรือดูแลตามที่ตกลงไว้
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้พยายามติดต่อไปหาฝั่งคู่กรณี โดยถูกปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ อ้างว่าเรื่องทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย มีทนายความเข้ามาช่วยดูแล ที่ผ่านมาไม่เคยนิ่งนอนใจหรือไม่ช่วยเหลือเยียวยา โดยก่อนหน้านี้ได้มีการช่วยเหลือไปแล้วจำนวน 20,000 บาท โดยแบ่งเป็นเงินสดให้แม่คนเจ็บ และค่าเช่าห้องระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนเรื่องของค่ารักษาพยาบาลก็เป็นไปตามพ.ร.บ. โดยทางครอบครัวรอให้คนเจ็บหายดีเพื่อจะมีการเจรจาพูดคุยและตกลงค่าเยียวยาต่อหน้าตำรวจ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้หนีหรือไม่สนใจ