พระเจ้าสำนักปัดรู้เห็นโยมฝึกสมาธิโยกหัว แต่ภิกษุณียันช่วยขับเชื้อโรค สาวกเชื่อช่วยระลึกชาติได้ (คลิป)

จากกรณีมีคลิปวิดีโอของกลุ่มญาติโยมจำนวนหนึ่ง ขณะกำลังนั่งปรบมือร้องเพลงภายในสำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา ในพื้นที่บ้านฝั่งคลอง หมู่ 25 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว

และพบว่ายังมีการฝึกจิตด้วยท่าแปลกประหลาด โดยญาติโยมคนใดเกิดปีนักษัตย์อะไร ก็จะให้ร้องหรือแสดงท่าทางเหมือนกับนักษัตย์นั้น ๆ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความสงสัยว่าเป็นสำนักปฏิบัติธรรมหรือลัทธิอะไรกันแน่ ต่อมาเจ้าคณะจังหวัดทราบเรื่องและสั่งยุติกิจกรรมดังกล่าวแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 8 พ.ค.63 นายอดิเรก ใหม่มงคล นายอำเภอเขาฉกรรจ์ พร้อมด้วยนายแพทย์อิทธิพล อุดตมะปัญญา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ นายสุริยันต์ เศษศรี สาธารณสุขอำเภอเขาฉกรรจ์ พันตำรวจเอกเอกอนันต์ หูแก้ว ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเขาฉกรรจ์ ได้เข้าพบกลุ่มญาติโยมที่ปฎิบัติธรรมภายในสำนักปฎิบัติธรรมพุทธพัฒนา โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเขาฉกรรจ์ ได้นำหลักฐานใบยินยอมการกักกันตัวให้ญาติโยมกลุ่มนี้ลงลายมือชื่อรับทราบ รวมทั้งหมด 18 คน

ขณะที่การพูดคุยกันในวันนี้ ฝ่ายปกครองอำเภอเขาฉกรรจ์ ได้เช็คจำนวนและตรวจสอบรายชื่อญาติโยมทั้งหมด เนื่องจากเป็นกลุ่มบุคคลที่เดินทางมาจากนอกเขตจังหวัดสระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้มีคำสั่งให้กลุ่มญาติโยมทั้งหมดเข้ากระบวนการกักกันตัวเป็นเวลา 14 วัน ห้ามออกนอกพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้เป็นอันขาด

ส่วนการจัดหาทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง ทางสาธารณสุขอำเภอจะจัดทีมอสม.ให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ รวมถึงการลงพื้นที่ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายให้กลุ่มญาติโยมทุกวัน เมื่อครบกำหนดกักกันตัวจังหวัดสระแก้วจะออกหนังสือรับรองไว้ให้ แต่หากเจ้าหน้าที่พบการฝ่าฝืนจะบังคับใช้กฏหมายดำเนินคดีเฉียบขาดทันที

ด้าน ภิกษุณี ทิพพญาณี สำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา บอกว่า สำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา ผู้ก่อตั้งคือ พระสุวัฒน์ สุวัฑฒโน หรือ หลวงพ่อดี เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าพุทธอุทยาน ตำบลห้วยใหญ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจะมีพระพระธรรมจักร สีรวังโร เป็นพระเจ้าสำนักดูแลแทน 1 รูป และมีภิกษุณี จำนวน 3 รูป มีหน้าที่ทำวัดสวดมนต์ เช้า-เย็น และนำสวดมนต์ให้กับญาติโยมที่เข้ามารวมปฎิบัติธรรม

ส่วนกระแสข่าวที่มีการจัดกิจกรรมให้ญาติโยมทำอะไรประหลาด ๆ นั้นเป็นการปฎิบัติธรรมรูปแบบอาณาปณะสติ หรือการขับเคลื่อนพลังลมปราน เสมือนเป็นการวิปัสณารูปแบบหนึ่งตามหลักของศาสนาพุทธ ซึ่งปกติแล้วจะทำเพียงแค่นั้งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออกธรรมดา แต่ทางสำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนาของหลวงพ่อดีจะใช้วิธีนั้งสมาธิ

โดยใช้การฟอกลมหายใจซึ่งจะแตกต่างจากที่อื่นลักษณะการปฎิบัติคือขณะที่กำลังนั้งสมาธิจะมีการสูดหายใจเข้า-ออก แรง ๆ เพื่อนำออกซิเจนที่อยู่ภายนอกเข้าสู้ร่างกาย เพื่อทำการฟอกอวัยวะภายในทำให้ร่างกายขับเสมหะ กิเลส และสิ่งไม่ดีออกสู่นอกร่างกาย พร้อมกับน้ำมูก น้ำตา น้ำลาย เหงือ เป็นต้นส่วนเรื่องที่ว่ามีการให้ญาติโยมร้องเสียงตามปีเกิด 12 นักษัตย์ ไม่เป็นความจริงกิจกรรมดังกล่าวไม่เคยจัดขึ้นในสำนักปฎิบัติธรรมแห่งนี้ จึงคิดว่าเป็นข้อมูลมั่ว ๆ

ส่วนกรณีที่มีคลิปญาติโยมที่เข้าร่วมปฎิบัตธรรมนั่งตบมือร้องรำทำเพลง ขอชี้แจงว่าญาติโยมดังกล่าว เป็นญาติโยมที่เดินทางมาจากสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งหลังจากที่ทำการสวดมนต์หรือปฏิบัติธรรมแบบปกติแล้วก็อาจจะจับกลุ่มปฎิบัติธรรมในรูปแบบบันเทิงเสมือนเป็นการคลายเครียดไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง หรือตบมือเสมือนเป็นการคลายเคลียดของญาติโยมไปในตัว ซึ่งไม่ผิดที่คนจะร้องเพลง

นอกจากนี้สำนักปฏิบัติไม่เคยเรียกเก็บเงินจากญาติโยม มีแต่ญาติโยมบริจาคให้เพราะเกิดจากแรงสัทธา ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็จะนำไปเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าอาหารให้กับญาติโยม 

ขณะที่ นางบุญเลี้ยง จ้อยหนองบัว อายุ 55 ปี ผู้ร่วมปฎิบัติธรรม บอกว่า เดินทางมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ เพราะศรัทธราหลวงพ่อดีจุดประสงค์ที่เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อรักษาให้จิตใจสงบและต้องการมารักษาโรคความดัน หัวใจ เบาหวาน เก๊า และวรรณโรค ซึ่งเคยไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่ไม่หาย แต่หลังจากร่วมอาณาปณะสติอาการกลับดีขึ้นก่อนจะหายขาดอย่างน่าประหลาดใจ

ส่วนกรณีที่ทางสำนักปฎิบัติธรรมให้ญาติโยมร้องเป็นเสียงประหลาดตามปีนักษัตรต่าง ๆ อันนี้ไม่เป็นความจริง แต่ที่ร้องเป็นเพราะขณะที่กำลังปฎิบัติธรรม หากผู้ใดมีกรรมที่เคยทำมาตั้งแต่อดีตชาติก็จะมีอาการแสดงออกมา ส่วนคนที่ร้องเป็นเสียงสัตว์นั้นจะเป็นพวกที่ชอบสักยันต์ จะเป็นผู้มีครูเมื่อปฎิบัติธรรมรูปแบบ อาณาปณะสติอาการก็จะออก จะร้องเป็นเสียงสัตว์ต่าง ๆ ที่แต่ละบุคคลเคยทำกรรมมา

จากนั้น ทีมข่าวได้พูดคุยกับ พระธรรมจักร สีรวังโร พระเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา ยืนยันเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงและเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องให้ญาติโยมร้องเสียงประหลาดตามปีนักษัตย์ ส่วนค่าใช้ในการเข้าร่วมปฏบัติธรรมก็ไม่เคยเรียกเก็บ ซึ่งในส่วนนี้ไม่เคยรับรู้มาก่อน 

ส่วน พระมหาไพรวัลย์ บอกว่า การส่งเสียงโหยหวนและทำท่าทางเหมือนสัตว์ตามหลักของพระพุทธศาสนาไม่มี การฝึกสิ่งเหล่านี้ และสิ่งที่ทำก็ผิดตามหลักคำสอนศาสนาด้วย สิ่งที่เห็นมาจากการเกิดอุปทานหมู่ของญาติโยมเองทั้งนั้น “อาตมายอมรับว่าเพี้ยน”การฝึกอานาปานสติไม่ได้ทำกันแบบนี้ ประกอบกับยังอ้างว่าฟอกลมแล้วสามารถรักษาโรคหรือระลึกชาติได้ยิ่งเลอะเทอะไปใหญ่

มองว่าสิ่งที่เห็นคล้ายการทรงเจ้า หรือร่างทรงมากกว่า และสิ่งที่ทำก็ผิดตามหลักคำสอนศาสนา สิ่งที่เห็นมาจากการเกิดอุปทานหมู่ของญาติโยมเองทั้งนั้น อยากฝากเตือนว่าเวลาญาติเจออะไรแปลก ๆ ให้เอะใจก่อนอย่าเพิ่งไปหลงเชื่อ เพราะนิสัยเสียของคนไทยคือพอเห็นอะไรแปลก ๆ ก็จะด่วนเชื่อไปก่อนโดยที่ไม่ใช้สติ และอยากให้ดูว่าสิ่งที่ทำขัดต่อหลักธรรมชาติหรือไม่                

นอกจากนี้ นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ บอกว่า การทำกิจกรรมดังกล่าวเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดเป็นอย่างมาก เพราะมีการพ่นลมหายใจและน้ำลายออกจากปาก อีกทั้งญาติโยมก็ไม่ได้มีการสวมหน้ากากอนามัย

นอกจากนี้การสูดหายใจแรง ๆ อาจจะซุ่มเสี่ยงเกิดอันตรายต่อร่างกายเช่น ถุงลมแตก ปอดทะลุ และเยื้อหุ้มปอดอักเสบ แนะนำว่าไม่ควรหายใจแบบนี้โดยเฉพาะเด็กและคนสูงวัย