จากกรณีมีชายชาวจีนรายหนึ่งทะเลาะกับเพื่อนบ้านเรื่องจอดรถล้ำบ้านคนอื่น กระทั่งเกิดการทะเลาะวิวาทกันชุลมุน ระหว่างเพื่อนบ้านทั้งสอง จนทำให้เพื่อนบ้านคู่กรณีหัวไหล่หลุด ส่วนภรรยาของเจ้าของบ้านถูกต่อยจนเป็นแผลฟกช้ำ หนำซ้ำชายจีนยังเอาถังขยะทุบกระจกรถยนต์จนแตกนั้น
วันที่ 11 พ.ค.63 นางสุนีย์ คู่กรณีของชาวจีน บอกว่า ตนเองมีลูกสาว 3 คน ลูกชาย 1 คน โดยลูกสาวคนกลาง เพิ่งซื้อบ้านใหม่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 ซึ่งซื้อมาประมาณ 1 เดือนกว่า แต่ก็ยังต่อเติมไม่เสร็จ โดยเพื่อนบ้านด้านซ้ายเป็นชาวจีนอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทยซึ่งเป็นล่าม เวลาเจอหน้าก็ยิ้มให้ตามประสาเพื่อนบ้านมาโดยตลอด แต่ปกติลูกสาวจะอยู่บ้านหลังดังกล่าวคนเดียว
วันเกิดเหตุวานนี้ช่วงสาย (10 พ.ค.) เป็นวันอาทิตย์ทุกคนหยุดงาน ครอบครัวเดินทางไปบ้านลูกสาวคนกลาง ซึ่งมาด้วยกัน 5 คน ประกอบไปด้วย ตนเอง แม่ของตน สามี หลานสาว และลูกสาวคนเล็ก ซึ่งรถยนต์ที่มีปัญหาที่จอดหน้าบ้านเป็นของลูกสาวคนเล็ก
เหตุการณ์เริ่มจากขณะที่นั่งดูทีวี มีรปภ.ของหมู่บ้านเดินมากดกริ่งหน้าบ้านบอกว่าให้ขยับรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เพราะเพื่อนบ้านข้างบ้านเข้าบ้านไม่ได้ จึงออกไปดูพบว่ารถยนต์ของลูกสาวก็ไม่ได้เลยเส้นแบ่งเขตไปเยอะ แต่ตนก็บอกให้ลูกสาวคนเล็กไปขยับรถให้ พอขยับรถเสร็จกำลังจะกลับเข้าบ้าน จังหวะนั้นรถยนต์ของชายชาวจีนนั่งมาพร้อมกับภรรยาซึ่งเป็นล่าม ได้จอดรถและลดกระจกลงพูดภาษาไทยสำเนียงไม่ชัดว่า “มีอะไร” ตนก็เลยตอบกลับไปว่า “มีอะไร”เช่นเดียวกัน
จากนั้นชายชาวจีนก็รีบลงมาจากรถและปรี่เข้ามาต่อยตนในบ้านแบบไม่ยั้ง จึงร้องเรียกลูก ๆ และสามีให้ออกมาช่วยกระทั่งเกิดเรื่องตามในคลิป แต่ก็เอาไม่อยู่เพราะชายจีนตัวใหญ่มาก ในจังหวะนั้นพ่อของชายชาวจีนคนดังกล่าวก็ออกมาสมทบทำร้ายพวกตน โดยวิ่งไปหยิบหมวกกันน็อคมาไล่ทุบ ซึ่งตอนนั้นสามีตนก็ล้มลงกับพื้นและชายจีนก็เหยียบแขนซ้ายและใช้เข่ากระแทกแขนสามีจนหัวไหล่หลุด และไปหยิบถังขยะมาทุบรถยนต์ลูกสาวจนกระจกหน้ารถแตก และยังใช้เท้าเตะรอบรถจนบุบอีกด้วย กระทั่งมีเพื่อนบ้านมาห้ามจนเรื่องยุติ
อาการของตนตอนนี้ระบมไปทั่วร่างกาย ทั้งศีรษะและแขน ส่วนใบหน้ากยังมีรอยฟกช้ำอยู่จากการชุลมุนตอนเกิดเหตุ ส่วนสามีหัวไหล่ซ้ายหลุด มีอาการปวดหัวไหล่ ส่วนสันจมูกเป็นแผล เล็บเท้าซ้ายหลุด เบื้องต้นอยากให้ตำรวจช่วยเหลือเพราะชายชาวจีนอ้างว่ารู้จักตำรวจ และมีการข่มขู่จะทำร้ายครอบครัวงจึงเกรงว่าจะได้รับอันตราย
ด้าน นายพาทิศ สามีของนางสุนีย์ บอกว่า ทราบมาเหมือนว่าชายจีนมีปืน และวันเกิดเหตุก็ข่มขู่ลูกสาวตน ซึ่งลูกสาวคนเล็กพูดและฟังภาษาจีนได้เล่าให้ฟังว่าชายจีนข่มขู่ในทำนองว่าให้มีการระวังตัวเอาไว้มิเช่นนั้นจะฆ่าทั้งบ้าน เบื้องต้นแจ้งความเอาไว้ที่ สน.ท่าข้ามตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งชายจีนก็บอกผ่านภรรยาที่เป็นล่ามว่ายอมรับผิด และจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่ตนไม่ต้องการให้อีกฝ่ายชดใช้อะไร แต่อยากให้จะเอาผิดให้ถึงที่สุด เพราะกลัวว่าคนอื่นจะโดนทำร้าย เบื้องต้นอาการตนคือแขนด้านซ้ายขยับไม่ได้ เพระหัวไหล่หลุด ต้องเฝ้าดูอาการและต้องหยุดงานไปก่อน
ขณะที่ น.ส.โบวี่ ลูกสาวคนเล็กของนายพาทิศและนางสุนีย์ บอกว่า ทุกครั้งที่มาหาพี่สาวที่บ้านหลังเกิดเรื่องก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เพราะไม่เคยไปจอดรถขวางหน้าบ้าน และไม่ได้สังเกตว่ามีการเหลื่อมล้ำ ซึ่งอาจจะล้ำนิดเดียวไม่ถึง 10 ซม. ซึ่งก็แทบไม่รู้ตัว สำหรับการเตือนเคยมีครั้งหนึ่ง โดยชายจีนพูดเป็นภาษาอังกฤษกับพี่สาวตนในทำนองว่า “ดูอยู่นะ อย่ามาจอดรถเกินเส้นหน้าบ้าน”
กระทั่งล่าสุดมีการตะลุมบอนกันตามในคลิปขึ้น เบื้องต้นแจ้งความ สน.ท่าข้าม 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย บุกรุกบ้าน และทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย สำหรับตนเองไม่ได้เป็นอะไรมากมีแค่เล็บเท้าด้านซ้ายฉีก เนื่องจากโดนกระชากผมลากไปมา
พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผู้กำกับการ สน.ท่าข้าม เผยว่า การอ้างว่ารู้จักตำรวจใครก็สามารถอ้างได้ ซึ่งตำรวจไม่นิ่งนอนใจจะดำเนินการตามขบวนการของกฎหมายไม่ปล่อยผ่านแน่นอน เพราะคนกระทำผิดต้องได้รับโทษ