กรณีนายไทย อายุ 36 ปี ชาว จ.บึงกาฬ ขี่รถจักรยานยนต์ มาจอดอยู่เลนเกาะกลางที่ยังไม่ได้ตีเส้นจราจร เพราะอยู่ระหว่างการขยายเป็นถนน 4 เลน บนถนนทางหลวง หมายเลข 22 (สกลนคร-นครพนม) ช่วงปากทางเข้า ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม ปรากฏว่ามีรถเก๋งพุ่งชนกลางลำลากทั้งคนและรถครูดไกล 100 เมตรเสียชีวิตคาที่ กะโหลกศีรษะกระจายบนพื้นถนน มีเศษชิ้นเนื้อและมันสมอง ข้างศพพบหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ยังพบแผ่นพลาสติกสีดำใต้ห้องเครื่องของรถยนต์ตกอยู่ คาดว่าเป็นของรถเก๋งคู่กรณี
โดยจุดเกิดเหตุดังกล่าวเป็นจุดใกล้เคียงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ที่มีพิธีพราหมณ์ บวงสรวงไปเมื่อ 25 ม.ค.63 ขณะที่กำลังทำพิธีบวงสรวงอยู่นั้น ผู้มาร่วมงานได้ถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ปรากฏว่าเมื่อนำภาพกลับมาดูอีกครั้งปรากฏมีภาพถ่ายติดศีรษะคนอยู่ท้ายรถกระบะดังกล่าว ใบหน้าขาวคล้ายผู้ชายมองมาที่พิธี จึงเชื่อและลือกันว่าเจ้าที่แรง และตัวตายตัวแทน
ล่าสุดวันที่ 12 พ.ค.63 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังปั๊มน้ำมันดังกล่าว ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 (สกลนคร-นครพนม) ช่วงปากทางเข้า ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม พบว่ามีศาลพระพรหมที่มีภาพถ่ายติดวิญญาณวันบวงสรวงตั้งอยู่
คุณจามิกร เสื้อก้านคำ ผู้จัดการร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน เปิดเผยว่า ปั้มน้ำมันจะมีศาลพระพรหม ส่วนเรื่องบวงสรวงก็ทำกันตามปกติช่วงต้นปี แต่ไม่รู้ว่าถ่ายไปติดวิญญาณได้อย่างไร โดยส่วนตัวยอมรับว่าเชื่อเรื่องวิญญาน และสิ่งลี้ลับ ขณะเดียวกันพนักงานทุกคนต่างนับถือศาลพระหรหม ทางเจ้าของปั๊มน้ำมันก็จะให้พนักงานกราบไหว้ทุกวันศุกร์ ส่วนตัวเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองอยู่ มีพนักงานบางคนมากราบไว้บูชา กลับไปซื้อลอตเตอร์รี่ ก็เคยถูกรางวัลมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 มี.ค.63 บริเวณจุดดังกล่าวเพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุสะเทือนใจมาแล้ว จากการที่ น.ส.อุบล โมคลา อายุ 45 ปี อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บ้านด่านหมู่ 2 ต.กุรุคุ ขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียน กกฎ 7887 นครพนม มาจอดจุดเดียวกันเลนเกาะกลาง แล้วตัดหน้ารถเก๋งถูกพุ่งชนเสียชีวิตคาที่ ชาวบ้านจึงเชื่อว่าบริเวณดังกล่าว คงจะมีเจ้าที่แรง เพราะช่วงระยะห่างเหตุการณ์ 1 เดือนครึ่งเท่านั้น
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท T-NET ภายใต้การกำกับดูแลของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (สวทช.) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ให้ข้อมูลว่า ตามหลักการแล้ว เรื่องภาพถ่ายติดวิญญาณ จะประกอบไปด้วย 3 เหตุผลดังนี้
1.ความเชื่อส่วนบุคคล ที่เราไม่ก้าวล่วงกัน 2.การหักเหของแสงที่สะท้อนจากเงากระจกรถยนต์ โดยเฉพาะเวลากลางวันและรถยนต์ที่ติดฟิล์มหนา เมื่อแสงที่ตกกระทบทำมุมได้องศา จะแปลงกระจกรถยนต์เป็นกระจกเงาได้ จึงปรากฏเป็นภาพสะท้อน หรือหน้าคน และภาพวิญญาณก็จะชัดเจนมากขึ้น ยิ่งถ่ายได้จากสถานที่ที่มีความเชื่อ ก็จะยิ่งสมบูรณ์มาก และ 3.การใช้เทคนิคถ่ายภาพซ้อน หรือพึ่งพาซอฟต์แวร์ดัดแปลงรูปเพื่อหวังผลในทางอื่น