หนุ่มยิงเพื่อนดับคาวงเหล้า เมียเผยเก็บกดถูกรังแกมานาน ก่อนถูกจับกอดบอกรักจูบหน้าผาก (คลิป)

จากกรณี ร.ต.อ.สุมิตร อัครเนตร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองปราจีนบุรี รับแจ้งเหตุชายถูกยิงเสียชีวิตหน้าห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จึงประสานแพทย์ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กสินธุ์ ธำรงศรีสุข ผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานปราจีนบุรี

โดยในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายแสน สังข์ทอง อายุ 33 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อภายหลัง นายอรรถพล น้อยศรี อายุ 27 ปี

ล่าสุดวันที่ 13 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.7 ต.วัดโบสถ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นห้องพักฝั่งละ 9 ห้อง ซึ่งห้องของผู้ก่อเหตุอยู่ห้องหมายเลข 3 ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ห้องหมายเลข 5

นายเขียว โพธิ์คำ อายุ 60 ปี เพื่อนบ้านซึ่งอาศัยอยู่ข้างห้องผู้ตาย เปิดเผยว่า วันที่ 12 พ.ค.63 เวลาประมาณ 16.00 น. ทราบว่านายแสน นั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนบ้าน 4 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 2 คน ซึ่งจะเป็นแบบนี้เกือบทุกวัน ทราบว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานเดียวกัน จากนั้นเวลา 18.00 น. นายอรรถพล เลิกงานมา ได้เข้ามาสมทบร่วมเป็นคนที่ 5 จากนั้นผ่านไป 30 นาที ทั้งคู่มีการทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับประตูรถที่ไปขูดกัน เพราะทำอาชีพขับสิบล้อ ซึ่งตนก็จับประเด็นไม่ได้มากนัก ด้วยความเมานายแสน ก็ถือไขควงข่มขู่จะตีนายอรรถพล แต่เพื่อนในวงเหล้าห้ามไว้ จากนั้นทุกคนที่นั่งกินเหล้าได้แยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองทั้งหมด

เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ตนได้ยินเสียงนายอรรถพล เดินมาจากห้องของตัวเอง และมายืนอยู่หน้าห้องนายแสน พร้อมพูดขึ้นว่า “แสน มึงจะฆ่ากูหรือไง” ซึ่งไม่ได้ยินเสียงนายแสนตอบโต้ ตนกำลังจะเดินออกจากห้องมาดู ทันใดนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และเห็นผู้ก่อเหตุเดินหันหลังกลับ ก่อนจะชำเรืองมองศพและพูดว่า “ไอ้เ_ตายซะได้ก็ดี กูทนกับมึงมานานแล้ว” หลังจากนั้นคนในห้องเช่าก็ออกมาดู แต่ผู้ก่อเหตุก็ไม่หนีไปไหน

จากเหตุการณ์นี้ตนไม่รู้ว่าปัญหาจะมีมากกว่านี้ไหม แต่ก่อนหน้านั้นก็ปกติ กินข้าว กินเหล้าด้วยกันทุกวัน ตนคาดเดาไม่ได้ว่าผิดใจเรื่องอะไร แต่ผู้เสียชีวิตเป็นคนนิสัยดีมาก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับเพื่อนบ้านทุกคน ส่วนผู้ก่อเหตุก็อายุน้อยกว่าผู้เสียชีวิต ไม่ค่อยสุงสิงด้วยเท่าไหร่

ด้านจุดเกิดเหตุผู้เสียชีวิตมีแค่สากกระเบือ 1 อันอยู่กับมือ ส่วนผู้ก่อเหตุมีปืน 1 กระบอก สำหรับตนคิดว่าระหว่างสากกะเบือกับปืน จะเป็นการต่อสู้กันอย่างไร หรือที่ผู้ก่อเหตุอ้างปกป้องตัวเอง ตนคิดว่าไม่น่าใช่ตามข้ออ้างที่ผู้ก่อเหตุอ้าง ตนคิดว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจฆ่า เพราะหากไม่ตั้งใจคงไม่เดินมาที่หน้าห้องของผู้เสียชีวิตซ้ำอีกแน่นอน เนื่องจากก็ได้แยกย้ายกันกลับห้องไปหมดแล้ว

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับน.ส.สิตางค์ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เล่าว่า ปกติแล้วนายแสน มักจะเมาแล้วพูดจาไม่ค่อยดี พูดเรื่อยเปื่อย ซึ่งปกติแล้วนายอรรถพล ไม่มีปัญหากับผู้เสียชีวิตมาก่อน แต่แฟนตนก็เคยเล่าให้ฟังหลายครั้งว่าผู้ตายชอบพูดโอ้อวดอำนาจ พูดจาข่ม ทำเหมือนเป็นคนคุมถิ่น แต่ตนก็เตือนแฟนตลอดว่าอย่าไปถือสาคนเมา

กระทั่งเมื่อวันที่ 12 พ.ค.63 แฟนกลับมาบ้านเวลา 18.00 น. โดยเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุมีการทะเลาะกันในทำนองว่า ผู้ตายพูดจาวางท่าใหญ่โต ซึ่งก็ทะเลาะในวงเหล้า

รอบแรกขณะทะเลาะกัน ผู้ตายด้วยความเมาได้ไปหยิบเอาไขควงในห้องจะแทงแฟนตน ซึ่งเพื่อนร่วมวงก็ห้ามไว้ และเอาไขควงจากผู้ตายโยนทิ้งไป และแยกทั้งคู่ไปอยู่ห้องของตัวเอง แต่ผู้ตายก็ถีบห้องออกมาโวยวายหาเรื่องจะวิ่งไล่ฆ่าแฟนตนอีก แฟนตนก็พูดว่า “มึงจะฆ่ากูเหรอ” จากนั้นแฟนตนก็วิ่งหนีเข้าห้อง ตนก็วิ่งตามไปในห้อง และห้ามแฟนแต่ด้วยความที่แฟนแรงเยอะกว่า ตนจึงห้ามไม่ไหว แฟนก็หยิบปืนจากห้องออกมา และวิ่งไปหน้าห้องผู้ตาย ซึ่งตอนนั้นผู้ตายถือสากกระเบือเอาไว้จะทำร้ายแฟนตน แต่ด้วยความโมโห และจะป้องกันตัวแฟนตนได้ลั่นไกใส่ทันที

ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านได้ยินแฟนตนพูดทิ้งท้ายหลังยิงเสร็จ โดยพูดในทำนองว่าตายได้ก็ดี หมดความอดทนแล้ว ตนคิดว่าที่หมดความอดทน น่าจะเพราะผู้ตายมีนิสัยชอบวางท่าใส่แฟนตนเองบ่อย ๆ เวลาเมาแล้วชอบพูดจาไม่ดีใส่แฟนตน ทุกครั้งตนบอกแฟนตลอดว่าอย่าไปถือสาคนเมา แต่ครั้งนี้แฟนตนคงหมดความอดทนแล้ว ครั้งนี้ก่อนเกิดเรื่องผู้ตายยังจะใช้ไขควงไล่แทงด้วย จึงลงมือก่อเหตุไปด้วยการบันดาลโทสะ

หลังก่อเหตุแฟนตนได้เดินเข้ามาหาและจูบหน้าผาก และพูดกับตนว่า “รอพี่นะ อย่าทิ้งพี่นะ” ตนก็ตอบไปว่า "ไม่ทิ้งหรอก ไม่ต้องกลัว" แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ตนก็อยากจะขอโทษแทนสามี เข้าใจอารมณ์สามี เพราะตอนนั้นต่างฝ่ายก็ต่างอารมณ์ร้อนทั้งคู่ ซึ่งตนก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน หลังจากนี้ตนก็คงต้องย้ายออกจากหอพักดังกล่าวแล้ว เนื่องจากสามีตนถูกจับ ตนก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไรต่อไป

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้ตั้งข้อหานายอรรถพล น้อยศรี มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ได้พบกับญาตินายแสน ผู้เสียชีวิต ที่วันนี้ทางญาติได้เดินทางมารับศพที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.สระแก้ว 

นางสายวรรณ สังข์ทอง อายุ 59 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า 2 วันก่อนลูกชายก็เพิ่งกลับบ้านไปหา ซึ่งลูกชายของตนมาทำงานอยู่ที่ปราจีนบุรีได้ประมาณ 2 ปีแล้ว โดยประกอบอาชีพขับรถสิบล้อขนส่งกระดาษ เวลาว่าง ๆ ก็จะกลับบ้านบ้าง ลูกชายไม่เคยเล่าปัญหาส่วนตัวให้ฟัง มารู้อีกทีคือมีคนโทรศัพท์ไปบอกว่าลูกชายตนถูกยิงเสียชีวิต ตอนนั้นตนแทบทรุด เพราะรับไม่ได้ ใจแทบสลาย แขนขาอ่อนแรงไปหมด

โดยนิสัยใจคอลูกชายตนก็เป็นคนดื่มเหล้าเฉพาะเวลาที่ไม่มีงาน หากไปทำงานก็จะไม่ดื่ม เพราะทำงานขับรถ ลูกชายเป็นคนนิสัยดี เพื่อนข้างห้องก็บอกทุกคนว่าลูกนิสัยดีเป็นที่รักของทุกคน ตนรู้สึกโกรธมากที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าป้องกันตัว แต่ตนคิดว่าการป้องกันตัวทำไมไม่ยิงใส่บริเวณอื่น ทำไมถึงตั้งใจยิงใส่บริเวณเบ้าตาซ้ายแบบนั้น และลูกชายตนก็อยู่ตัวคนเดียว ตอนนี้ญาติผู้ก่อเหตุก็ยังไม่พูดอะไร เป็นไปได้ตนอยากให้ผู้ก่อเหตุมาขอขมาลูกชายตน มารับผิดชอบเยียวยา เพราะตนก็ไม่มีฐานะ ทุกวันนี้ยังมีหนี้อยู่เลย ส่วนเรื่องหากมีการมาขอขมาตนก็ให้อภัยได้ จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกัน และลูกจะได้ไม่มีเวรกกรรมติดตัว

ในเรื่องของลางสังหรณ์นั้นช่วง 2 วันก่อนเกิดเหตุ ลูกชายกลับบ้านมาหาตน และบอกในทำนองว่าคิดถึงตน ซึ่งวันนั้นเป็นวันทำบุญครบ 100 วันของตาที่จากไปพอดี แต่น้าสาวไม่ได้บอกลูกชายล่วงหน้า ลูกชายมารู้ทีหลังจึงไปต่อว่าน้าสาว และน้อยใจที่ไม่มีใครแจ้งล่วงหน้า หากไม่กลับมาเองก็คงไม่รู้เรื่อง หลังจากวันนั้นก่อนจะกลับก็พูดในทำนองน้อยใจและบอกว่า “จะไม่กลับมาอีกแล้ว” จนเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค.63 ตนก็มารู้ว่าลูกเสียชีวิตลง หลังจากนี้ตนตนก็อวยพรให้ลูกไปสูสุคติ ไม่ต้องกังวลไม่ต้องลำบากอีกแล้ว