จากกรณีที่
นางสุนันท์ จารุไพโรจน์ มารดาของ น.ส.กมลวรรณ จารุไพโรจน์ หรือ น้องหวาน นักกีฬาเพาะกายหญิงทีมชาติไทย แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับ
นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้ประกาศข่าวรายการทุบโต๊ะข่าว และนายกันตพัฒน์ ทองคำ ผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารให้ นางสุนันท์ หลังจาก นายกันตพัฒน์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวว่า นางสุนันท์ จ่ายค่าจ้างไม่ครบ โดยออกอากาศเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันที่ 24 ตุลาคม 2560 เวลา 10.00 น. ที่ สน.บางเขน
นายพุทธอภิวรรณ ได้เข้าพบ พ.ต.ต.สราวุธ บุตรดี สารวัตรสอบสวน สน.บางเขน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งภายหลังที่ นายพุทธอภิวรรณ เข้าพบพนักงานสอบสวน ได้ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้ตนได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามที่ นางสุนันท์ แจ้งความไว้ ซึ่งตนได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมกับนำเอกสารหลักฐาน รวมไปถึงการบันทึกภาพเป็นหลักฐาน ที่สามารถดูย้อนหลังได้ตามเว็บไซต์ต่างๆ
โดย นายพุทธอภิวรรณ
ยืนยันว่า สิ่งที่นำเสนอเป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เพื่อนำเสนอตามข้อเท็จจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ นางสุนันท์ ได้มีการร้องเรียนว่า ถูกหน่วยงานรัฐเรียกเงิน ทางตนเองจึงมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมถึงมีการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องนี้
หลังจากนี้ นายพุทธอภิวรรณ ยินดีจะดำเนินการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และภายหลังจากเกิดเหตุ ยังไม่ได้พูดคุยกับ นางสุนันท์ และไม่มีการเจรจากันแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการตรวจสอบเอกสารก่อนนำเสนอข่าว นายพุทธอภิวรรณ ชี้แจงว่า เอกสารทั้งหมดที่นำเสนอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้ยืนยันตามที่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทีมข่าวพยายามติดต่อ นางสุนันท์ รวมถึงเดินทางไปที่อพาร์ทเม้นท์ของ นางสุนันท์ พร้อมกับสัมภาษณ์สามีของ นางสุนันท์ ในข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ได้นำเสนอ มีการบันทึกผ่านช่องทางยูทูปทั้งหมด และสามารถกลับไปดูย้อนหลังได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร
สำหรับเรื่องการสร้างห้องว่าสร้างเกินแบบหรือไม่นั้น นายพุทธอภิวรรณ บอกว่า ประเด็นดังกล่าวสามารถตรวจสอบกับทางเทศบาลตำบลบางพลีน้อยได้ เพราะทางเทศบาลมีเอกสารหลักฐานอย่างชัดเจน และเชื่อว่าหากย้อนกลับไปดูข้อมูลจากสำนักข่าวต่างๆ จะทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ทางเทศบาลตำบลบางพลีน้อย ได้ออกมาเปิดเผย
ทางด้าน
นายเกษม สุขวารี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 จังหวัดชลบุรี และเทศบาลตำบลบางพลีน้อย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอพาร์ทเม้นท์ของ นางสุนันท์ ซึ่งพบว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณด้านหน้าอพาร์ทเม้นท์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้พบกับแม่บ้าน ซึ่งโทรศัพท์ติดต่อให้เจ้าหน้าที่ พูดคุยกับ นางสุนันท์ เพื่อขออนุญาตเข้าเก็บตัวอย่างน้ำที่ปล่อยลงคลองว่ามีการบำบัดหรือไม่ แต่ทางนางสุนันท์ได้โทรศัพท์กลับมาบอกทางเจ้าหน้าที่ว่า วันนี้ยังไม่พร้อมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และไม่สะดวกให้เข้าภายในอาคาร แต่ยินดีให้ตรวจสอบในภายหลัง
นายเกษม เปิดเผยว่า มีผู้ร้องเรียนไปยังสำนักงาน ให้เข้าตรวจสอบการปล่อยน้ำของอาคารดังกล่าวว่า ได้ปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะหรือไม่ เจ้าหน้าที่จึงต้องรีบดำเนินการลงมาตรวจสอบ ทั้งนี้สำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด ไม่มีเครื่องมือสำหรับการตรวจ จึงประสานไปยัง สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 จ.ชลบุรี ซึ่งมีเครื่องมือตรวจสอบ และมีนักวิชาการ ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารของ นางสุนันท์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่อาคาร นางสุนันท์ ยังไม่พร้อมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่เข้าไปภายในพื้นที่ เนื่องจากยังไม่มีเอกสารจากทางราชการ หากเข้าไปอาจจะเป็นการบุกรุกได้
นายเกษม เปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้จะรีบออกเอกสารอย่างเป็นทางการ พร้อมกับประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อีกครั้ง รวมถึงประสานกองกำลังจากเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคง ศูนย์ดำรงธรรม ที่มีอำนาจ คสช. เพราะสามารถเข้าได้ทุกอาคาร เพื่อตรวจสอบว่ามีการปล่อยน้ำเสียจริงหรือไม่ และคาดว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเข้าตรวจสอบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากเข้าตรวจสอบแล้วมีการปล่อยน้ำเสียจริง นายเกษม ก็จะต้องแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ เข้าดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งมีโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ควบคุมความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
นอกจากนี้ นายพุทธอภิวรรณ ยังได้ชี้แจงผ่านรายการทุบโต๊ะข่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ทีมข่าวได้นำเสนอข่าวโดยตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกมุม อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งการแจ้งความของนางสุนันท์ ไม่ทำให้ทีมข่าวหยุดการตรวจสอบได้ เพราะสื่อมวลชนทำหน้าที่เหมือนหมาเฝ้าบ้าน ถ้าพบความผิดปกติก็ต้องติดตามต่อ ไม่ทำให้หวั่นไหวหรือเสียกำลังใจ เพราะสุดท้ายกระบวนการยุติธรรมจะให้ความกระจ่างในความจริงทั้งหมด