จากกรณีหนุ่มใหญ่วัย 51 ปี ชาวพิษณุโลก ป่วยเป็นโรคเดียวกับ "วินัย ไกรบุตร" คือโรคตุ่มน้ำพองทั้งตัว โดยยังไม่รู้ว่าจะรักษาให้หายขาดได้หรือไม่นั้น
วันที่ 20 พ.ค.63 ทีมข่าวเดินทางไปบ้านของนายสโรช กลมวงค์ อายุ 52 ปี ผู้ป่วยโรคตุ่มน้ำพองได้แต่นั่งอยู่ในมุ้ง ไม่สามารถออกจากมุ้งได้ เนื่องจากกลัวแมลงตอมแผล บอกว่า กลางเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา มีตุ่มใส ๆ ออกมาจากบริเวณหลัง โดยไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร แต่คิดว่าก่อนหน้านี้ตนได้ทานเหล้าทานเบียร์ พร้อมทั้งทานหัวหมู ในใจคิดว่าอาจเป็นของแสลงที่ตนไม่สมควรกิน ซึ่งอาการไม่หนักจึงได้ไปซื้อยาเขียวมารักษาตัวเองแต่ก็ไม่หาย
พออาการเริ่มหนักจึงไปที่รพ.หัวเฉียว ซึ่งประกันสังคมของตนอยู่ที่นั้น ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นโรคอีสุกอีใส และได้ให้ยาแก้อักเสบยาทาและยาฆ่าเชื้อมาแต่ก็ไม่ดีขึ้น วันรุ่งขึ้นไปโรงพยาบาลเดิมแพทย์ให้ไปไปรักษาโรงพยาบาลโรงผิวหนัง
จากนั้นวันที่ 15 พ.ค. น้ำเหลืองเริ่มไหล ไปหาแพทย์ที่หัวเฉียวอีกรอบ และจะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลโรคผิวหนัง
กระทั่งวันที่ 18 พ.ค. โรงพยาบาลหัวเฉียวไม่ได้ติดต่อมาหา ทราบว่าจะส่งตัวตนไปที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพราะมีแพทย์เฉพาะทาง
จากนั้น 19 พ.ค. แผลเริ่มเน่า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล แจ้งว่าเป็นตุ่มน้ำพอง โดยจ่ายยาและให้กลับมารักษาที่บ้าน กลับไปโรงพยาบาลหัวเฉียวขอให้น้ำเกลือเพราะกินอะไรไม่ได้ กระทั่งโรงพยาบาลแจ้งว่าใช้สิทธิประกันสังคมซ้อนกันไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกคาใจว่าทำไมเดิมทีโรงพยาบาลวินิจฉัยอาการว่าเป็นแค่อีสุกอีใส แต่สุดท้ายโรคดันลุกลามไปใหญ่โตจนไม่รู้ว่ารักษาหายหรือไม่